
ฉอดคืออะไร?
คำว่า ฉอด ตามราชบัณฑิตยสถาน เขาบอกว่า “เป็นอาการที่พูดหรือเถียงไม่หยุดปาก เช่น พูดฉอด ๆ เถียงฉอด ๆ” แต่ช่วงที่ผ่านมาหลายคนอาจจะเคยได้เห็นคอมเมนต์จากในโซเชียลอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะในทวิตเตอร์ เฟซบุ๊กหรือข่าวดารา
แล้วจริง ๆ มันหมายความว่าอะไรล่ะ?
เท่าที่เรารวบรวม แล้วก็เฝ้าดูคำนี้มา หมายถึง การแสดงความคิดเห็นหรือการถกเถียง ที่ทำให้เกิดการโต้แย้ง ปะทะ กันในบริบทนั้น
เพื่อน ๆ ลองคิดง่าย ๆ หลายคนน่าจะเคยทำ ก็คือเราแชร์เพลงจากยูทูป แอปฯ เพลง ลงโซเชียล ว่า “เพลงนี้ดีจัง อยากให้ทุกคนได้ฟัง” แต่กลับมีคนมาเมนต์ต่อว่า “ไม่เห็นจะดีเลย งั้น ๆ แหละ แมสอ่ะไม่อยากฟัง”
หรือ เรื่องที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย เพื่อน ๆ เคยอ่านคอมเมนต์ในเพจดัง ๆ ที่แชร์ข่าวที่กำลังเป็นกระแสไหมคะ โอ้โห ฉอดกันไม่หยุด แสดงความคิดเห็นแรง ๆ ทั้งนั้น หลายครั้งที่คอมเมนต์เหล่านั้นทำร้ายเหยื่อ จนถึงขั้นฟ้องร้องเลยก็มี อย่างที่คุณทราย เจริญปุระ ฟ้องร้องคนที่แสดงความคิดเห็นในเชิงคุกคาม ส่วนตัวเราคิดว่าคุณทรายมีสิทธิ์ที่จะทำ และมีกฎหมาย จำพวก พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ คุ้มครองอยู่ค่ะ

ซึ่งฉอดเองก็มีหลายแบบนะคะ ทั้งในแบบที่สร้างสรรค์ ข้อมูลถูกต้อง หรือฉอดแบบไม่สร้างสรรค์ ทำไปแค่ความสะใจส่วนตัว ทำให้เกิด Hate Speech และนำไปสู่ Cyberbullying ได้ แต่ก่อนจะตัดสินว่าผิดหรือถูก ก็ขึ้นอยู่กับ “วิจารณญาณของผู้อ่าน” และ “ความถูกต้องของข้อมูล” ด้วยว่า PC (Political Correctness) หรือ NON-PC
Political Correctness อธิบายง่าย ๆ ก็คือ ความถูกต้องในสังคม ไม่ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติ เพศ สติปัญญา ความบกพร่องทางร่างกาย ฯลฯ ยกตัวอย่างเช่น มุกตลกบางมุกก็เสียดสี ซึ่งบางคนคิดว่าขำ ๆ แต่สำหรับบางคนอาจจะรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ไม่เห็นด้วย หรือประโยคที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เช่น คนในวงการบันเทิงโพสต์ทวิตยินดีกับหนังที่ได้รางวัล แต่กลับมีคนที่เห็นต่าง ฉอดกลับไปด้วยคำที่รุนแรง ทำให้หลายคนคิดว่าทั้งคู่ไม่ถูกต้อง มีทางออกที่ดีได้มากกว่านี้ เลยออกมาแสดงความคิดเห็นให้เกิดความถูกต้องอย่างสร้างสรรค์ค่ะ



แล้วเพื่อน ๆ สังเกตไหมว่า มันมีเยอะขึ้น รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะอะไรกัน?
เราได้ไปอ่านบทความหนึ่งมา เขาได้บอกว่า ที่ทุกคนแสดงความคิดในโลกออนไลน์ มักจะดุเดือด หยาบคาย ก้าวร้าว และใช้อารมณ์นำเหตุผล เพราะว่า
- ต้องการเรียกร้องความสนใจ และพฤติกรรมหมู่ เห็นว่าใคร ๆ เขาก็ทำกัน ก็เลยทำบ้าง
- หรือ บางคน ในชีวิตจริงอาจจะถูกกดขี่ ไม่ได้รับการยอมรับในสังคม เลยใช้โซเชียลมีเดียแสดงความก้าวร้าวของตัวเอง เพื่อการสร้างความพอใจให้ตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงจิตสำนึกต่อสังคม
ด้วยความที่โซเชียลมีเดีย เป็นพื้นที่สาธารณะ ใคร ๆ ก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ เป็นสิทธิ์ของเขา ที่จะพูดอะไรก็ได้ผ่าน Account ของตัวเอง บางคนก็ปกปิดตัวตนบนโลกออนไลน์ เพื่อจะได้แสดงความคิดเห็นของตัวเองได้มากขึ้น ทั้งด้านดีและไม่ดี เพราะคิดว่าไม่มีใครรู้ว่าจริง ๆ แล้วเขาคือใคร

แล้วเคยรู้ผลของการฉอดบ้างไหม?
จริง ๆ แล้ว ฉอดแบบไม่สร้างสรรค์ก็เข้าข่ายเป็น Hate Speech ได้ ถ้าพูดด้วยการใช้ถ้อยคำที่รุนแรง สร้างความเกลียดชัง เป็น Toxic Comment จนนำไปสู่ Cyberbullying ถ้าใช้คำที่เหยียด ว่าร้ายใส่กันเพื่อให้ตัวเองรู้สึกเหนือกว่า
แน่นอน อย่างแรกต้องส่งผลกระทบด้านอารมณ์นะคะ ด้วยความที่ทั้ง 2 ฝ่ายเกิดความคิดเห็นไม่ตรงกัน ต่างฝ่ายต่างคิดว่าตัวเองถูก ใช้อารมณ์นำเหตุผล ยิ่งตอบโต้ยิ่งหัวร้อน หรือคำที่ในทวิตเตอร์ชอบใช้ก็คือ ปสด. ทำให้เกิดความเครียด โมโห อาจถึงขั้นควบคุมอารมณ์ไม่ได้ในชีวิตจริง
และอย่างที่บอกไปว่าอินเทอร์เน็ตสมัยนี้มันเร็วมาก ๆ ไปไกลมาก ๆ ถ้าเกิดมีคนแสดงความเห็นที่ว่าร้าย ด่ากันมากขึ้นเรื่อย ๆ ควบคุมไม่ได้ อาจจะทำให้ผู้ที่ถูกกระทำรู้สึกแปลกแยก หวาดกลัว ไม่มั่นใจในตัวเองได้ หลายคนน่าจะเคยรู้ถึงความร้ายแรงของ Cyberbullying ที่ทำให้คนเป็นโรคซึมเศร้า ไปจนถึงขั้นฆ่าตัวตายก็มีเยอะมาก ๆ อย่างในออสเตรเลีย กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTI) มักจะถูกบูลลี่ เลือกปฏิบัติ จนทำให้เป็นกลุ่มที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงสุดในกลุ่มประชากรของออสเตรเลียเลย

แล้วเราจะ “ฉอด” แบบสร้างสรรค์ได้ยังไงบ้าง?
เตรียมตัวก่อนฉอด
ก่อนที่เราจะฉอดใคร อย่างแรกที่เราต้องมั่นใจเลยคือข้อมูลที่ถูกต้องนะคะ เราเห็นต่างเพราะอะไร คิด วิเคราะห์ แล้วก็ใช้วิจารณญาณ ศึกษาหาข้อมูลให้รู้จริงก่อนตอบโต้ เพื่อที่จะได้แสดงความคิดเห็นได้ถูกต้อง ไม่โดนแหกกลับนะคะ ฮ่า ๆ
มีจิตสำนึกต่อสังคม ไม่ยัดเยียดการฉอด
การแสดงความคิดเห็นในโซเชียล ก็เป็น Free Speech ที่ใคร ๆ ก็สามารถพูดอะไรก็ได้ แต่ก็ต้องตระหนักถึงการรับผิดชอบต่อสังคม พิมพ์ไปแล้วเกิดผลเสียเป็นวงกว้างไหม พวก Fake News ที่ถูกแชร์ ถูกรีทวิตไปไกลแล้ว แต่ไม่ยอมลบ ทำให้เกิดการเข้าใจผิดเป็นวงกว้าง
และการพูดกันดี ๆ ยอมรับความเห็นต่าง ไม่เหยียดความคิดใคร ก็ย่อมดีกว่าพูดร้ายใส่กัน และจบลงด้วยความขัดแย้งค่ะ
ยอมรับผล และ รับมือ
เหรียญมักมี 2 ด้านเสมอนะคะ แน่นอนว่าต้องมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย คำที่เราพิมพ์ไปเล่น ๆ คิดว่าไม่มีอะไร แต่คนกลับเห็นเป็นล้าน ๆ ครั้ง อาจจะมีทั้งคนที่ชอบ แต่บางคนอาจจะไม่พอใจ เราต้องยอมรับกับผลลัพธ์ที่เราฉอดไป และรับมืออย่างมีสติค่ะ
สุดท้ายแล้ว เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับอารมณ์แทบจะทั้งหมดเลยนะคะ อินเทอร์เน็ตเร็ว มือเราก็เร็วเหมือนกัน ไม่พอใจปุ๊บก็พิมพ์ลงโซเชียลปั๊บ ดังนั้น ถ้าเรามีสติ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ก่อนจะตอบโต้หรือแสดงความคิดเห็น ก็จะทำให้ไม่เกิดความรุนแรงในโซเชียลได้ และทำให้สังคมโซเชียลเราน่าอยู่ไปนาน ๆ ค่ะ