Work (life balance) from home

ในช่วงวิกฤต Covid-19 แบบนี้ เชื่อว่าหลาย บริษัทก็มีมาตรการให้พนักงานทำงานอยู่บ้าน หรือ Work from home กันใช่ไหมคะ บริษัทเราเองก็มีมาตรการนี้เหมือนกัน ซึ่งการ Work from home ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งแรกของใครหลาย คน การปรับตัวก็อาจจะทุลักทุเลกันบ้าง 

เท่าที่ได้ฟังความเห็นคนรอบข้าง หรือคนในโซเชียลบ่น กันก็คือ ทำงานอยู่บ้านแล้วเหมือนทำงานเต็มเวลา ไม่มีสมาธิ งานไม่เดิน จิตตกต่าง นานา แทนที่จะเป็นการดีที่เราจะพักผ่อนได้มากขึ้น กลับกลายเป็นจมอยู่กับงานจนทำให้ Work กับ life ไม่ balance กันเอาเสียเลย

แล้วเพราะอะไร Work from home ถึงไม่ Work กับเรา

ในกรณีนี้ขอพูดถึงทุก คนที่ได้สิทธิ์ในการ Work from home เพราะไม่ใช่ว่าทุกงาน ทุกหน้าที่จะสามารถทำงานอยู่บ้านได้ อย่าง งานออกแบบที่ต้องตรวจสอบชิ้นงาน งานที่ต้องเดินทางไปหาลูกค้า  งานบริการต่าง จะให้ Work from home ยังไงได้ แต่คนที่ได้รับสิทธิ์นี้ทำไมยังรู้สึกโหยหาการกลับไปออฟฟิศอยู่ เรามาวิเคราะห์สาเหตุไปพร้อม กันค่ะ

  1. สภาพแวดล้อม ไม่เอื้อต่อการทำงาน บางครั้งอยากจะตั้งใจทำงาน แต่แม่ดันเรียกให้ไปช่วย ตากผ้า ซื้อของ ข้างบ้านก็มีเสียงก่อสร้างรบกวน แมวเดินสะดุดปลั๊กไฟ และนานาปัญหา ยิ่งถ้าบ้านไหนมีเด็กเล็กด้วยนะคะ สมาธิหดหายกันไปเลยค่ะ
  2. รู้สึกเหงา ไม่มีพลังในการทำงาน โดยเฉพาะชาว Extrovert ที่ได้รับพลังจากการเจอทีม เจอเพื่อน แล้วต้องมาทำงานอยู่บ้านแบบเหงา ๆ อาจเกิดอาการจิตตกได้เหมือนกัน
  3. มีสิ่งดึงดูดความสนใจตลอดเวลา ในภาพจำของเรา บ้านคือที่พักผ่อน แอบงีบนิดหน่อย ดู Netflix หรือเช็คหน้าฟีดโซเชียลก็ทำได้ เพราะไม่มีใครรู้นี่นา พวกนี้แหละค่ะทำให้เราไม่มีสมาธิอยู่กับงาน และทำงานได้ไม่เต็มที่เหมือนอยู่ออฟฟิศ บางครั้งก็ดองงานไว้เรื่อย ๆ ต้องมาปั่นตอนดึก ๆ สุขภาพกายสุขภาพจิตปั่นป่วนไปหม
  4. อุปกรณ์ไม่พร้อมเหมือนออฟฟิศ ทำงานอยู่บ้านเราอาจจะมีเพียงโน๊ตบุ๊กเครื่องเดียวใช่ไหมคะ แต่บางทีก็จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อื่น ๆ ด้วยเหมือนกัน อย่าง ปริ้นเตอร์ คนทำงานตัดต่อ/กราฟิก ต้องการคอมพิวเตอร์สเปกเทพ สำคัญที่สุดคืออินเทอร์เน็ตแรง ๆ (แอบได้ยินมาว่าผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหลาย ๆ เจ้าก็มีโปรโมชั่นก็เพิ่มความเร็วให้โดยที่เราจ่ายเท่าเดิม ส่งเสริมการทำงานที่บ้านอยู่ตอนนี้ ลองติดต่อและสอบถามกันดูนะคะ) อุปกรณ์ที่ไม่พร้อมเหล่านี้ล่ะค่ะ ที่อาจจะทำให้งานของเราติดขัดได้
  5. ความไม่คุ้นชิน ที่ผ่านมา การ Work from home ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในบ้านเราสักเท่าไหร่ เมื่อต้องมา Work from home กันปุบปับแบบนี้ ทำให้หลาย ๆ คนยังไม่ค่อยชิน (รวมถึงทางเราด้วยค่ะ) ยังไงก็ค่อย ๆ ปรับกันไปนะคะ

เริ่มปรับตัว กัน!

ประโยคที่เราได้ยินกันอยู่บ่อย “Work life balance” ก็คือการบริหารการทำงานกับการใช้ชีวิตส่วนตัวได้แบบบาลานซ์ ใช่ว่าทำงานหนักไปจะไม่ดี แต่เราสามารถทำงานแบบ Smart และยังคงหลงเหลือเวลาให้ทำอย่างอื่นได้อยู่ ผสมผสานทุกหน้าที่เข้าหากันอย่างลงตัว อาจจะไม่มีทฤษฎีที่ตายตัวเพราะทุกคนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบที่ต่างกัน 

ช่วงที่ Work from home ก็ต้อง Work life balance เช่นกัน แล้วเราจะบริหารการทำงานและการใช้ชีวิตให้ลงตัวได้อย่างไร เรามีวิธีมาแชร์กันค่ะ

  • สิ่งสำคัญคือวินัย แพ้อะไรไม่เท่าแพ้ใจตัวเอง เมื่อทำงานที่บ้านโดยไม่มีคนจับผิด เรานี่แหละค่ะที่ต้องคอยจับผิดตัวเอง ทำความเข้าใจว่า Work from home ไม่ใช่ Holiday ฉะนั้นเวลาทำงานคือทำงานนะคะ ไปออฟฟิศทำงานยังไง อยู่บ้านก็ต้องทำงานอย่างนั้น เราจะได้เห็นขอบเขตของเวลางานกับการใช้ชีวิตได้อย่างชัดเจน
  • เหนื่อยนักก็พักบ้าง มีวินัยไม่ใช่ว่าพักไม่ได้นะคะ บางคนนั่งทำงานได้ที่แล้วก็ขี้เกียจลุกเดินไปไหน อยู่บ้านไม่มีเพื่อนร่วมงานชวนไปซื้อชาไข่มุก ชวนคุย ทำให้เราลืมการพักไป หลังจากนี้ลองดูนะคะ พักสัก 5 นาที ทุก ๆ กี่ชั่วโมงก็ได้ ไปยืดเส้นยืดสาย ชงกาแฟ เล่นกับแมวเพื่อผ่อนคลายตัวเองบ้าง แล้วกลับมาทำงานต่อ จะได้ดีต่อทั้งสุขภาพกายและจิตนะคะ
  • บรรยากาศการทำงานมีผลมาก ๆ บางทีเรานั่งทำงานบนที่นอน บนโซฟา เข้าใจว่ามันสบายนะคะแต่บางทีก็อดใจไม่ได้ที่จะค่อย ๆ เอนตัวลงนอน ตื่นมาอีกทีอาจจะค่ำแล้วก็ได้ งั้นเราลองมาจัดโซนทำงานดู ไม่จำเป็นต้องเป็นโต๊ะทำงานจริงจังก็ได้ แค่เป็นที่ที่เราจดจำไว้เลยว่านี่คือที่นั่งทำงาน มีอุปกรณ์วางไว้ครบ ห่างไกลจากสิ่งรบกวน (ไว้บทความหน้าจะมาเล่าเรื่องการจัดโซนทำงานในบ้านนะคะ ขอไปทำการบ้านก่อน)
  • ทำ To do list ลองกำหนดดูว่าวันนี้เราต้องทำอะไรบ้าง อันไหนก่อนหลัง เราจะได้มองเห็นภาพรวมของงานอย่างชัดเจน และเป็นเหมือนตัวช่วยให้เราผลักดันตัวเองให้ทำงานนั้น ๆ ให้เสร็จด้วยค่ะ (ถ้าทำงานของวันนั้นเสร็จไว ก็ได้พักไว)
  • บริหารเวลาให้เป็น เมื่อเราทำ To do list ขึ้นมาแล้ว ก็เรียงลำดับความสำคัญ ลองกำหนดเวลาคร่าว ๆ ว่าเราจะทำงานนี้นานแค่ไหน (ยืดหยุ่นได้) ควรทุ่มเวลาไปกับอะไรเท่าไร
  • ทำกิจวัตรประจำวันเหมือนไปออฟฟิศ ตื่นเวลาเดิมที่เคยตื่นไปทำงาน ไปออกกำลังกายยามเช้า หรือทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ อาบน้ำเตรียมตัวก่อนเริ่มงานจะได้สดชื่นหน่อย (อย่างน้อยล้างหน้าแปรงฟันก็ยังดี) และเวลาเริ่มงาน-เลิกงานก็ทำเหมือนเราอยู่ออฟฟิศเลยค่ะ โบนัสเวลาที่ไม่ต้องเสียไปกับการเดินทางเราก็เอามาทำงานอดิเรก ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว สุขภาพกายและจิตใจก็จะดีตามไปค่ะ
  • สื่อสารกับเพื่อนร่วมงานเสมอ ยิ่งไม่เจอกัน การสื่อสารจะต้องเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมาก ๆ วันนี้เราต้องทำอะไร ประสานงานอะไรกันบ้าง เคลียร์ให้ชัดเจน และสำหรับคนที่รู้สึกเหงา แนะนำว่าลองหาเวลาคุยเล่น เมาท์มอยกับเพื่อนร่วมงานดู คลายเครียด (คุยแต่พอดี เดี๋ยวจะกินเวลาทำงานนะจ๊ะ)

ไม่มีใครสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง อย่าให้งานมาเบียดเบียนเวลาพักผ่อน อย่าทุ่มเทให้กับงานจนลืมคนรอบตัว อยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจเรื่องการ Work life balance กันมากขึ้นนะคะ โดยเฉพาะสถานการณ์แบบนี้ บริหารจัดการเวลางานและเวลาชีวิตให้ลงตัว ดูแลสุขภาพและผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกันนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ZOCIAL EYE

แสดงความเห็น