จากการ Work from home กันมาระยะหนึ่ง มีใครเจอปัญหาเหมือนกันไหมคะ? ปวดหลัง ปวดขา ไม่ค่อยมีสมาธิ คิดงานไม่ออก แล้วไม่รู้ว่าการ Work from home ครั้งนี้จะยืดเยื้อไปถึงเมื่อไร ฉะนั้นอย่าได้ปล่อยปัญหานี้ให้ผ่านไป!
จากบทความ >> Work (life balance) from home << ที่เกริ่นไปว่าหนึ่งในสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การ Work from home เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและขจัดปัญหากวนใจข้างต้นได้ก็คือ “บรรยากาศการทำงาน” แล้วเราจะแปลงร่างบ้านให้เป็นพื้นที่ทำงานอย่างไรให้ Work from home ได้แบบไหลลื่น วันนี้เรามาแชร์ตามสัญญาแล้วค่า
เคลียร์พื้นที่ให้พร้อม จัดพื้นที่ทำงานในบ้านกัน!
1. จัดพื้นที่ทำงานไว้มุมไหนของบ้านดี?
ภาพจาก https://www.tctimes.com
คำตอบก็คือมุมไหนก็ได้ที่สงบ สามารถทำงานได้อย่างมีสมาธิ ปราศจากสิ่งรบกวนทั้งทางเสียง และสิ่งยั่วยุใด ๆ (โดยเฉพาะแมว-555) อากาศถ่ายเทสะดวก ถ้ามุมไหนของบ้านวิวดีหน่อยอาจจะยึดเป็นมุมทำงานเลยก็ได้ ไอเดียจะได้โลดแล่น และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญก็คือแสงค่ะ มุมทำงานของเราควรอยู่ชิดกับหน้าต่างหรือระเบียง เพื่อให้แสงธรรมชาติส่องถึง เพราะแสงธรรมชาติสบายตาที่สุดแล้วเวลาทำงาน (ประหยัดไฟด้วย) แต่ก็ไม่ควรให้แสงแดดกระทบตาเราโดยตรงนะคะ (ถ้าแสงธรรมชาติไม่พอจริง ๆ แนะนำให้ใช้หลอดไฟสี Cool white นะคะสบายตาใกล้เคียงกัน)
2. จัดโต๊ะและเก้าอี้ ป้องกัน (Home) office syndrome
รู้หรือเปล่า? การ Work from home ทำให้เราเสี่ยงที่จะเป็น Office syndrome มากกว่าอยู่ Office เสียอีก เพราะอยู่บ้านเราจะนั่งตรงไหนก็ได้ โดยเฉพาะโต๊ะญี่ปุ่นที่น่าจะเป็นไอเท็มยอดฮิตที่คน Work from home ชั่วคราวเลือกใช้ เมื่อต้องนั่งกับพื้นนาน ๆ ก็เกิดอาการปวดขา ปวดหลัง ไม่ดีต่อสุขภาพเอาเสียเลย (ทางเราเคยทำในช่วงแรก ๆ ปวดไปหมดทั้งตัว ขาเหน็บกินเป็นระยะ ๆ) อ๊ะ ๆ แล้วถ้าใครกำลังคิดว่างั้นนั่งทำงานบนเตียงกับบนโซฟาก็ได้ นุ่มนิ่ม สบาย~ บอกเลยว่าสองสิ่งนี้คือแรงดึงดูด! ดูดเราออกจากงานน่ะสิคะ บางทีสบายเกินงานก็ไม่เดินนะ! ให้เตียงและโซฟาเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนดีกว่า
แนะนำให้เลือกโต๊ะและเก้าอี้ที่เราสามารถนั่งห้อยขาให้เท้าวางถึงพื้นได้พอดี หากมีพนักพิงด้วยจะดีมาก ๆ จะนั่งทำงานที่โต๊ะทานข้าว หรือนำโต๊ะ เก้าอี้ที่มีอยู่ในบ้านมาดัดแปลงเป็นโต๊ะทำงานส่วนตัวก็ได้ สำหรับใครที่มีงบอยากลงทุนกับเก้าอี้ดี ๆ สักตัวแนะนำให้เลือกแบบที่เหมาะกับสรีระของเรา ทั้งความสูงของเก้าอี้ พนักพิงและที่รองแขน วัสดุของเก้าอี้ไม่นุ่มหรือแข็งจนเกินไป สามารถปรับได้ตามอิริยาบถ จากนั้นก็เลือกโต๊ะทำงานได้ตามอัธยาศัยเลยค่ะ (แนะนำว่าควรกว้างพอสำหรับวางอุปกรณ์และวางแขน เพื่อให้ไม่รู้สึกอึดอัดเกินไป)
นอกจากโต๊ะและเก้าอี้แล้วอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราห่างไกลจาก Office syndrome คือท่านั่งที่เหมาะสมนั่นเอง (ใช้ตอนกลับออฟฟิศได้ด้วยนะ) หลัก ๆ มีดังนี้ค่า
- ไม่ต้องนั่งหลังตรงเป๊ะ ปรับเก้าอี้เอนประมาณ 100-110 องศา (เอนไปด้านหลังเล็กน้อย)
- ขาตั้งฉากกับพื้น โดยที่ปลายขาไม่ห้อยลง (หากเก้าอี้ที่มีสูงเกินไป หาอะไรมารองที่เท้าก็ได้นะคะ)
- นั่งให้ก้นชิดกับพนักเก้าอี้ เพื่อไม่ให้นำ้หนักตัวทิ้งลงไปที่หลัง ไหล่และหลังจะได้ไม่ทำงานหนักเกินไป
- วางคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา
*ที่สำคัญไม่ควรนั่งลากยาวหลายชั่วโมง ลุกขึ้นไปยืดเส้นยืดสายบ้าง*
3. แบ่งโซนให้ชัดเจน
ภาพจาก https://anitayokota.com/dreamy-bedroom-workspace-reveal/
เชื่อว่าส่วนหนึ่งไม่มีห้องทำงานแบบเป็นจริงเป็นจัง พื้นที่ทำงานอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรืออะไรก็ตาม ฉะนั้นเราควรที่จะจำกัดพื้นที่ทำงานให้ชัดเจนเพื่อที่เราจะจำได้อัตโนมัติและขีดเส้นแบ่งระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัวได้อย่างชัดเจน เมื่อก้าวเข้าโซนทำงานแล้วก็ไม่ทำอย่างอื่น ไม่วอกแวก เมื่ออยู่โซนอื่น ๆ ก็จะไม่ทำงาน (Work life balance ไปในตัว) โดยการแบ่งโซนเราอาจจะหาอะไรมากั้นไว้อย่าง ชั้นวางของ ฉากกั้น เพื่อให้ดูเป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้น หรือง่ายไปกว่านั้นคือการปูพรมบนพื้นที่ที่เป็นโซนทำงาน เหมือนการขีดเส้นเขตุแดนหลอกสมองนั่นเอง
4. ตกแต่งเพิ่มแรงบันดาลใจ
ภาพจาก : https://futurian.co/2019/04/09/create-your-dream-workspaces-simple-inspired/
เมื่อจัดทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยก็ถึงเวลาตกแต่งแล้วค่ะ จะปล่อยให้โต๊ะทำงานมีเพียงโน๊ตบุ๊กเครื่องเดียวก็จะจืดชืดเกินไป ตกแต่งเพิ่มอีกนิดเพื่อให้รู้สึกว่า ฉันนั่งทำงานอยู่ตรงนี้แล้วไม่เบื่อเลย อีกอย่างคือ สีสันบนโต๊ะทำงานก็จะช่วยเพิ่มแรงบันดาลและสร้างไอเดียให้เราได้เรื่อย ๆ โดยไอเดียการจัดแต่งโต๊ะก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน หากอยากจับคู่สีสวย ๆ อาจจะเทียบจาก Mood board แล้วจัดสีตามก็ได้ (แนะนำให้หา Reference mood board จาก Pinterest มีหลากหลายแนวมาก) อาจจะนำภาพที่ชอบ ฟิกเกอร์ที่สะสม หรืออุปกรณ์เครื่องเขียนมาเป็นองค์ประกอบ หากดีไปกว่านั้นอาจจะมีต้นไม้เล็ก ๆ อยู่บริเวณโต๊ะทำงานด้วย เคยเห็นผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยเฮียวโก ประเทศญี่ปุ่น เขาบอกว่าการมีต้นไม้หรือดอกไม้ไว้บนโต๊ะทำงานช่วยลดความเครียดได้ดีเลยล่ะค่ะ เอาไว้มองตอนพักสายตา (ทางเราเคยนั่งทำงานในสวนที่มีต้นไม้เยอะหน่อย ก็รู้สึกสดชื่นจริง ๆ นะ)
การสร้างบรรยากาศการทำงานเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้เรา Work from home ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องตกแต่งให้เวอร์ ใช้งบเยอะเกินไป อาจจะหาของที่มีอยู่ในบ้านมาวางประกอบกันกลายเป็นมุมทำงานส่วนตัวเพื่อรับมือกับการ Work from home ไปอีกยาว ๆ
หลังจากจบวิกฤต Covid-19 ครั้งนี้หลาย ๆ บริษัทอาจจะปรับให้พนักงาน Work from home กันมากขึ้น เพราะเราเองก็เริ่มคุ้นชินกันแล้ว บวกกับเทคโนโลยีที่พร้อมจะรองรับ ยังไงเราชาวพนักงานออฟฟิศก็เตรียมตัวให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงเสมอนะคะ
ขอบคุณเครื่องมือจาก ZOCIAL EYE