
วิกฤตโควิดทำหลายธุรกิจเจ็บหนัก ผลกระทบไม่ลิมิตแค่แวดวง SMEs แต่หลายบริษัทมหาชนก็กระทบเช่นเดียวกัน ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจ เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีธุรกิจกว่า 1,140 ราย เลิกกิจการ และอีกหลายรายที่ก็ประสบสภาวะขาดทุน แนวโน้มเติบโตริบหรี่ เป็นวิกฤตที่ภาคธุรกิจได้รับแรงกระแทกหนักกว่าครั้งที่ผ่าน ๆ มาแต่ท่ามกลางวิกฤตนี้ ธุรกิจ “Startup” หลายรายกำลัง Scale Up หรือเติบโตสวนทาง และได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กุญแจสำคัญ และการเติบโตของสตาร์ทอัพ
เมื่อเราอยู่ในยุคดิจิทัล พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป “เทคโนโลยี” มีอิทธิพลต่อการใช้ชีวิตอย่างเต็มรูปแบบ ธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อน ผสมโรงกับไอเดียนอกกรอบ ซึ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุค Mobile-First มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกอนาคต และยังคงอยู่รอดต่อไปได้
Sunday สตาร์ทอัพไทย ระดมทุนได้กว่าพันล้าน
ในขณะที่หลายธุรกิจล้มเป็นโดมิโนในยุคโควิด บริษัทประกันก็เป็นหนึ่งในธุรกิจที่รับผลกระทบโดยตรง แต่ “Sunday” สตาร์ทอัพ InsurTech กลับคว้าดีลระดมทุนรอบ Series B ได้สำเร็จกว่า 45 ล้านเหรียญ หรือ 1,400 ล้านบาท จาก Tencent และนักลงทุนชั้นนำอีกจำนวนมาก เช่น SCB 10X, Vertex Growth and Vertex Ventures Southeast Asia & India, Quona Capital, Aflac Ventures และ Z Venture Capital
ธุรกิจที่เพิ่งก่อตั้งในปี 2560 เข้าสู่วงการได้เพียง 4 ปี แต่ระดมทุนรวมได้แล้วกว่า 75 ล้านเหรียญ (นับตั้งแต่ก่อตั้ง) กลยุทธ์อะไรที่ดันให้ Sunday คว้าดีลฝ่าวิกฤตได้?
ทำความรู้จักกับ Sunday ก่อน
บริษัทประกันรูปแบบใหม่ หรือ “InsurTech” ที่ใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning มาปรับใช้ในบริการของตัวเอง อย่างประกันภัยรถยนต์ และประกันสุขภาพกลุ่ม รวมถึงการทำแพลตฟอร์มจัดเก็บข้อมูล เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า
ทั้งยังได้พัฒนาซูเปอร์แอปพลิเคชัน ที่มีชื่อว่า Sunday Service เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการแบบไร้เงินสด (Cashless) ไม่ว่าจะเป็นการเคลม การปรึกษาแพทย์ออนไลน์ หรือการจัดการกรมธรรม์ต่าง ๆ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้ใช้งานรุ่นใหม่ ให้การเคลมประกันเป็นเรื่องง่าย
สิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จ กว่าธุรกิจแบบเดิม ?
-
ถ้ายุ่งยาก ก็ทำให้ง่าย
การซื้อแผนประกันแบบเดิม กว่าจะได้มามีความยุ่งยากและซับซ้อน และตอนเคลมจริงก็ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน เลยเป็นข้อเสียที่ทำให้ผู้บริโภคลังเล และเลือกที่จะถอยไม่ซื้อประกันดีกว่า
ซึ่ง Sunday เห็นถึงปัญหาตรงนี้ จึงพลิกโฉมธุรกิจใหม่ที่ลดตัวกลางลง ให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างรวดเร็ว แบบ End-to-end ติดต่อและเรียกใช้บริการผ่านซูเปอร์แอปฯ ของบริษัทเอง ครบจบในวงจรเดียว
-
ปรับตัวให้ทัน ด้วยการคิดต่างจากกรอบเดิม
ถือเป็นบริษัทในอุตสาหกรรมประกันภัยรายแรก ๆ ของไทยที่ปรับตัวได้ไว และมีการวางแผนพร้อมรับมือ ก่อนที่จะถูก Digital Distruption จนแก้ไขไม่ได้ แน่นอนว่าธุรกิจไหนเริ่มใช้เทคฯ ก่อน ก็ย่อมได้เปรียบกว่า
Sunday ไม่ใช่แค่เปลี่ยนแพลตฟอร์ม มาทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ แต่ยังนำเทคฯ มาใช้ในการบริหารงาน และสร้างบริการให้กับลูกค้าอย่าง InsurTech เป็นข้อได้เปรียบทำให้แตกต่างจากบริษัทประกันอื่นๆ ที่ยังคงดำเนินงานแบบออฟไลน์ซะส่วนใหญ่ ไม่ได้ก้าวเข้าสู่ออนไลน์อย่างเต็มตัว
ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้บริษัทหน้าใหม่ สามารถประสบความสำเร็จได้ แม้จะก้าวเข้ามาในวงการไม่นาน โดยปี 2563 รายได้ของ Sunday เพิ่มขึ้น 100% จากการให้บริการลูกค้าไปแล้ว 1.6 ล้านราย กว่า 90,000 ราย เป็นลูกค้าประกันสุขภาพกลุ่มจากอุตสาหกรรมชั้นนำ เช่น การเงินการธนาคาร ภาคการผลิต และอุตสาหกรรมการค้าปลีก
ทิศทาง น่าจับตามองของ Sunday
เดิมที Sunday เน้นการบริการแบบธุรกิจสู่ธุรกิจ (B2B) ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ คือองค์กรที่สนใจทำประกันกลุ่ม หรือเน้นการค้าส่ง การได้รับทุน Series B นี้ Sunday ตั้งเป้าขยายตลาดค้าปลีก (Retail) เพื่อเพิ่มลูกค้าที่เข้าถึงประกันสุขภาพ ประกันอิเล็กทรอนิกส์ และประกันภัยรถยนต์ ของบริษัทในวงกว้าง รวมถึงยังคงพัฒนาบริการและแพลตฟอร์มให้แก่พาร์ทเนอร์เดิมต่อไป
สิ่งที่น่าสนใจคือ รายได้ของประกันภัยแบบดิจิตัล และการรับประกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ นั้นน่าจับตามองมากในอนาคต จะเห็นว่าบริษัทฯ เองก็มีการจับกลุ่มเป้าหมาย คนใช้ “สมาร์ทโฟน” แล้ว การมองหาลูกค้าประเภทนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ นั้นส่งผลดีต่อธุรกิจในระยะยาวแน่นอน เพราะสมาร์ทโฟนเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของผู้คน (Everyday Use) ซึ่งมีคนใช้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าบริษัทสามารถนำเสนอบริการ ได้ครอบคลุมตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ อาจเปลี่ยนจากลูกค้าเฉพาะกลุ่ม มาเป็นรายได้หลักเลยก็ว่าได้
สรุปแล้ว กลยุทธ์ในการทำธุรกิจ ก็ไม่พ้นไปจากการขยายขีดความสามารถของตัวเอง โดยรู้จักใช้เทคโนโลยี เป็นเครื่องมือในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ซึ่งช่วงวิฤตแบบนี้ นักลงทุนย่อมสนใจบริษัทที่มีอนาคต และมีศักยภาพที่จะก้าวหน้าต่อไปได้ จึงไม่แปลกใจว่าทำไม “Sunday” ถึงได้รับการยอมรับจากนักลงทุน จนสามารถปิดดีลจำนวนมหาศาลได้นั่นเอง

เรื่องน่ารู้
อินชัวร์เทค (InsurTech) คืออะไร ?
อาจจะไม่ใช่คำคุ้นหูเท่าไหร่ แต่เป็นแนวทางน่าสนใจที่ ธุรกิจปรับตัวในยุค Digital Disruption ด้วยการผสมระหว่างเทคโนโลยี (Technology) และประกันภัย (Insurance) เข้าด้วยกัน เกิดเป็น InsurTech นวัตกรรมใหม่ สำหรับผู้ใช้งานยุคดิจิทัล
ด้วยการนำ AI มาช่วยคำนวณความเสี่ยง และเบี้ยประกันแบบอัตโนมัติ โดยวิเคราะห์และอ้างอิงตามรายบุคคล เลยทำให้ “การคำนวณราคา” นั่นยืดหยุ่น และไม่ใช่การจ่ายราคาเดียวแบบเหมารวมแล้ว แต่เป็นการจ่ายเพียงแค่ สิ่งที่ครอบคลุมต่อความเสี่ยงของตัวเองเท่านั้น
อธิบายให้เข้าใจง่าย คือ เบี้ยประกับแบบเดิม จะคิดราคาจากความเสี่ยงเพียงไม่กี่ข้อ และเหมารวมให้ทุกคนจ่ายในราคาเดียวกัน ส่งผลให้คนที่มีความเสี่ยงต่ำ ก็ต้องจ่ายในราคาที่สูงเกินความจำเป็น เพราะฉะนั้นการนำ AI เข้ามาร่วมคำนวณ Data ของลูกค้า จะตอบสนองได้ตรงจุดมากกว่า หากสนใจอยากอ่านข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ www.easysunday.com