ย้ายจาก iOS ไป Android มีอะไรต้องรู้บ้าง

หลายปีที่ผ่านมามือถือ Android ได้พัฒนาสเปกไปมาก ทั้งความเร็ว, กล้อง, ระบบเสียง, ระบบภาพ ที่สำคัญราคายังจับต้องได้ สวนทางกับผู้นำตลาดมือถือสมาร์ตโฟนอย่างแอปเปิ้ลที่ยิ่งออกรุ่นใหม่มา ราคายิ่งสูงจนน่าตกใจ โดยเฉพาะรุ่นล่าสุดราคาปาเข้าไปเกือบครึ่งแสนแล้ว จนหลายคนแซวว่า เป็นรุ่นขายไต 5555

เหตุนี้หลายคนจึงหันมาสนใจกับตลาดมือถือ Android มากขึ้น รวมถึงตัวเฟื่องเองด้วยค่ะ ที่ทนแรงเย้ายวนของมือถือ Android ไม่ไหว และเสียเงินไปเรียบร้อยแล้ว555 วันนี้เลยถือโอกาสมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังในฐานะคนที่เคยใช้ iPhone ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ Android ว่ามีอะไรต้องรู้และทำความเข้าใจบ้าง

“เปลี่ยน” ก่อน “รู้”

หลายคนอาจสงสัยว่าต้อง “รู้” ก่อน “เปลี่ยน” หรือเปล่า ไม่ใช่ค่ะ…เราต้อง “เปลี่ยน” ก่อน “รู้” เปลี่ยนในที่นี้คือเปลี่ยน Mindset ว่า มือถือ Android ในปัจจุบันนั้นไม่ใช่ไก่กาอาราเล่เหมือนสมัยก่อนแล้ว และการใช้ไอโฟนก็ไม่ได้ดูเท่ไปกว่าการถือ Huawei P20 Pro หรือ Samsung Galaxy S9+ เลย

แล้วรุ่นไหน? ดีกว่ากัน คงต้องสารภาพไว้ตั้งแต่ตรงนี้ว่าทั้ง iOS และ Android ต่างมี ข้อดี-ข้อเสีย ที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงความเหมาะสมในการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน เฟื่องไม่สามารถฟันธงได้ว่าเครื่องไหนนั้นดีกว่ากัน แต่เราเลือกได้ว่ามือถือแบบไหนที่เหมาะกับเรา

เพราะการเลือกโทรศัพท์สักเครื่องหนึ่ง ไม่ต่างกับการเลือกแฟนสักคนเลยค่ะ คนหนึ่งอาจจะ “ดีกว่า” แต่อีกคน อาจจะ “ใช่กว่า” ก็ได้ใครจะรู้ รู้สึกเหมือนเป็นพี่ดีเจที่มาให้คำแนะนำเรื่องความรักเลยค่ะ5555

เมื่อเรา “เปลี่ยน” เรียบร้อยแล้ว เรามาดูกันเลย กับ 3 ข้อต้อง “รู้” เมื่อเราย้ายค่ายไป Android!!! กันเลยค่าา

1.กล่าวอำลา แอปฯ ราคาแพงที่เคยใช้

แอปฯ ในที่นี้เฟื่องขอแบ่งออกเป็น 2 ประเภทนะคะ

1.แอปฯ ราคาแพงที่เราได้เสียเงินให้กับ App Store ไปแล้ว เมื่อเราย้ายปุ๊ปแอปฯ เหล่านั้นก็ไม่ต่างอะไรกับ Gift Voucher ที่ได้จากห้างฯ หนึ่งมา ย่อมไม่สามารถนำไปใช้กับอีกห้างฯ หนึ่งได้แน่นอน 

2.แอปฯ ฟรีทั้งแบบฟรีจริง ๆ และเสียค่าบริการภายหลังอย่าง IG, Facebook, Line, Joox Music  และอื่น ๆ ที่มีการ Log in โดยแอปฯ เหล่านี้สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกครั้ง โดยข้อมูลต่าง ๆ ยังอยู่กับเราค่า

2. ความปลอดภัย

ความปลอดภัยที่หลายคนกังวลใจกันมากที่สุดคงหนีไม่พ้นการถูก “ขโมย” และ “การป้องกันไวรัส” ยิ่งไอโฟนมี Find My iPhone ทำให้หลายคนสงสัยว่าแล้ว Android ล่ะ มีอะไร? เฟื่องเลยขอแยกออกมาเป็นข้อ ๆ เพื่อเข้าใจกันง่ายขึ้นค่า

1.เรื่องการขโมย – ไม่ต่างจากไอโฟนค่ะ เพราะ Android เองก็มีแอปฯ Android Device Manager เช่นกัน สามารถบอกตำแหน่งของโทรศัพท์เราได้ตลอด 

2. การป้องกันไวรัส – เรื่องนี้เห็นผลค่อนข้างชัดเจนว่าไอโฟนทำได้ดีกว่าค่ะ แต่ความเชื่อที่ว่าระบบ iOS ป้องกันไวรัสได้ 100% นั้นผิดนะคะ เพราะมีโอกาสติดได้เหมือนกัน ต้องทำความเข้าใจว่า ไวรัสจะทำงานบนระบบใดระบบหนึ่งเท่านั้น เช่นไวรัสที่ทำงานใน Windows, Android ซึ่งเป็นระบบที่คนนิยมใช้เยอะ ไวรัสแบบนั้นก็จะไม่สามารถทำงานบน iOS หรือ Mac OS ได้ แต่ถ้ามีใครเขียนไวรัสให้ทำงานในระบบ iOS หรือ Mac OS ก็ย่อมทำได้ แต่ระบบที่ว่านั้นเป็นระบบปิด ที่จะมีทีมงานของ Apple ดูแลอย่างดี หากเกิดไวรัสขึ้น ก็จะรู้และรีบแก้ไขปัญหาทันที และยิ่งระบบ iOS มีการอัปเดตเครื่องอยู่เสมอ ทำให้คนเขียนไวรัสก็คงเหนื่อยจึงไม่ค่อยนิยมเขียนกันเท่าไหร่นัก

คนใช้ Android ไม่ต้องกังวลไปค่าาา เพราะไวรัสเกิดจากการที่เราโหลดแอปฯ เถื่อน หรือคลิกลิงค์แปลก ๆ เท่านั้น ถ้าหากเราใช้งานปกติ ถ่ายรูป, เล่นเฟซ, เล่นไอจี, ก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะ

3.อายุการใช้งาน + ความเสถียรของเครื่อง

อุปกรณ์ประเภท iOS โดยเฉลี่ยจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ 3-4 ปี ขณะที่อุปกรณ์ประเภท Android มีอายุการใช้งาน 1-2 ปี เท่านั้น ถือว่าต่างกันเกือบเท่าตัว แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานของตัวเราด้วยค่ะ

อีกเรื่องที่หลายคนกังวลใจก็คือ Android หากใช้ไปเครื่องจะค่อย ๆ ช้าลงไหม ซึ่งข้อนี้ เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า iOS เองใช้ไปเรื่อย ๆ เครื่องก็ช้าลงไม่ต่างกัน สาเหตุมาจากโทรศัพท์ของเราเก็บข้อมูลไว้มากเกินไป เช่น แอปฯ Line หรือเฟซบุ๊ก ใช้ไปเรื่อย ๆ ก็จะมีไฟล์แคชหรือไฟล์ขยะเกิดขึ้นมา ยิ่งมีเยอะ ทำให้เครื่องยิ่งช้าค่ะ นอกจากนั้นการที่เราถ่ายรูป วิดีโอ หรือเก็บไฟล์หนังเยอะเกินไป ล้วนมีส่วนในการทำให้เครื่องหน่วงด้วยกันทั้งนั้นค่ะ

สรุป

ทั้งนี้ทั้งนั้น เฟื่องว่าเราต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ก่อนค่ะ ว่าเรามีโทรศัพท์ไว้เพื่ออะไร อย่างเฟื่องเองที่เปลี่ยนมาใช้ Android เพราะรู้สึกว่าตัวเองถ่ายรูปบ่อย ชอบโพสต์รูปลง Social หรือส่งให้ เพื่อนอยู่บ่อย ๆ  ซึ่งหลายรุ่นของ Android ก็ถ่ายรูปได้สวยถูกใจ และราคาน่ารักกว่าไอโฟนพอสมควร ขอตินิดหนึ่งว่าคีย์บอร์ดใช้ยากกว่าไอโฟนเบา ๆ แต่โดยรวมแล้วแฮปปี้ดีค่ะ สุดท้ายใครที่ตัดสินใจแล้วว่า ฉันจะย้าย! อ่านบทความ Ep.2 เรื่อง 3 วิธีง่าย ๆใครก็ย้ายจาก iOS ไป Android ต่อได้เลยค่ะ โดยเฟื่องจะบอกว่าถ้าย้ายแล้วต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้เราได้ข้อมูลต่าง ๆ กลับมาได้มากที่สุดค่ะ

แสดงความเห็น