ในยุคที่นาฬิกาไม่ได้มีไว้ดูเวลาเพียงอย่างเดียว แต่มีฟีเจอร์ล้ำ ๆ อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานเยอะมาก นับแคลฯ จับก้าวเดิน วัดชีพจร บางรุ่นก็มีฟีเจอร์ช่วยชีวิต
ไม่นานมานี้ มีชายหนุ่มอเมริกันคนหนึ่ง ออกมาแชร์เหตุการณ์พ่อตัวเองรอดตายจากอุบัติเหตุ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะปาฏิหาริย์ แต่เป็นเพราะใส่ Apple Watch แล้วเปิดฟีเจอร์ Emergency SOS Fall Detection ส่งแจ้งเตือนเหตุหกล้มฉุกเฉินไปยังตำรวจ และลูกชาย
ฟีเจอร์ Emergency SOS Fall Detection คืออะไร?
ฟีเจอร์นี้มีเฉพาะใน Apple Watch Series 4 ขึ้นไปเท่านั้น หากเกิดเหตุฉุกเฉินหกล้มกระแทกพื้นแรงมาก จนนาฬิกาจับแรงสั่นสะเทือนได้ สัญญาณก็จะดังขึ้น หน้าจอก็จะแสดงผลว่ามีการหกล้มเกิดขึ้น ถ้าเราแค่สะดุดล้มธรรมดา แล้วยังเดินต่อได้ เราก็สามารถหยุดการส่งข้อมูลไปยังผู้ติดต่อฉุกเฉิน โดยการแตะหน้าจอตรงคำว่า “I’m OK”
ในขณะที่ถ้ามันเป็นการหกล้มแบบรุนแรง จนขยับตัวไม่ได้หรือหมดสติ หลังจากที่นาฬิกาจับได้ว่าไม่มีการเคลื่อนไหวประมาณนาที ระบบจะโทรไปหาโรงพยาบาลให้อัตโนมัติ แจ้งพิกัดที่อยู่ ในเวลาเดียวกัน เสียงเตือนจากนาฬิกาผู้ล้มก็จะดังขึ้นเรื่อย ๆ ช่วยส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ เพื่อที่ให้คนที่อยู่ละแวกนั้นได้ยิน นอกจากนี้ ระบบยังส่งข้อความ และพิกัดที่เราอยู่ไปให้คนที่เราตั้งค่าให้เป็นผู้ติดต่อฉุกเฉิน ที่เราสามารถตั้งค่าได้เองในหน้า Medical ID
วิธีตั้งค่าฟีเจอร์ Emergency SOS ใน Apple Watch
จะเปิดโหมดนี้สำเร็จแบบใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพต้องตั้งค่าด้วยกันทั้งหมด 3 ส่วน (ทำง่าย ไม่วุ่นวายเลย)
อันดับแรกให้เรา เปิดการจับสัญญาณข้อมือ เราก่อน โดยเข้าไปที่
- หาเมนู “Setting” หรือ “ตั้งค่า” ที่ Apple Watch
- เข้าไปที่ “Passcode” หรือ “รหัสผ่าน”
- เปิดระบบ “Wrist Detection” หรือ “การตรวจจับข้อมือ”
ตั้งค่าข้อมูลการแพทย์ส่วนตัว และผู้ติดต่อฉุกเฉิน
เพราะแต่ละคนมีประวัติการแพทย์ การแพ้ยาไม่เหมือนกัน แถมบุคคลที่เราอยากจะติดต่อเวลาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากกกเลยนะที่ควรจะตั้งค่าไว้ ตอนนี้บอนเน่ให้เวลาไปหยิบ iPhone แล้วทำตามกันเลย โดยเริ่มจาก
- เปิดแอปฯ “Health” ใน iPhone เลือก “Medical ID”
- กดแก้ไขใส่วันเกิด และข้อมูลสุขภาพของเราโดยกด “แก้ไข”
- กดสัญลักษณ์บวก “+” เพื่อเพิ่ม “Emergency contact” หรือ บุคคลติดต่อฉุกเฉิน
- กรอกรายละเอียด พร้อมสถานะว่าคน ๆ นั้นเกี่ยวข้องยังไงกับเรา แล้วถ้าวันนึงเราอยากจะเปลี่ยนก็ทำได้ โดยการเลือกสัญลักษณ์ลบ “-“
- กดตั้งค่า “Show in lock mode” เพื่อแสดงผลถึงแม้หน้าจอจะล็อคอยู่ เพื่อให้ผู้ช่วยเหลือ สามารถเห็น Medical ID ของเราได้ เค้าจะได้ให้ความช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง
- กด “Done” หรือ “เสร็จสิ้น”
วิธีตั้งค่าจับการล้ม ใน Apple Watch
- เปิดแอปฯ นาฬิกา แล้วเข้าไปที่ “My Watch tab”
- เข้าไปที่ “Emergency SOS”
- เปิด หรือ ปิดระบบ “Fall Detection” โดยกดเลือก “On” หรือ “Off”
สำหรับผู้ใช้คนไหนที่ตั้งค่า Apple Watch หรือในแอป Health ว่าอายุ 65 ปีเป็นต้นไป มันก็จะเปิดระบบนี้ให้อัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม ทุก ๆ อย่างก็ย่อมมีขีดจำกัดเนอะ เพราะฉะนั้น Apple Watch เค้าก็ออกตัวแหละว่า บางทีนาฬิกาก็อาจจะแยกการหกล้มทุกชนิดไม่ออกนะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความฟิตของผู้ใส่ ว่าถ้ายิ่งเป็นคนสุขภาพดี แอคทีฟ ชอบความผาดโผนมากเท่าไหร่ ระบบก็อาจจะรวน คิดว่าการออกกำลังกายในตอนนั้น เป็นการหกล้มก็เป็นได้
แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้น บอนเน่ว่ามีระบบแจ้งเตือน ก็ดีกว่าไม่มีเลย เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา วันนี้บอนเน่หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆ น้าาา เพราะบ่อยครั้งที่เราเป็นเจ้าของอุปกณ์ไฮเทคก็จริง แต่ก็ยังไม่รู้ถึงการใช้งานในทุกฟังชั่นก์ ตอนนี้ขอตัวไปส่องฝั่ง Andriod บ้างว่าเค้ามีระบบอะไรเจ๋ง ๆ จะได้เอามาแชร์เพื่อน ๆ อีก แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้าค่าาา