เพื่อน ๆ จำชีวิตตอนที่เทคโนโลยียังพัฒนามาไม่ถึงจุดนี้ได้ไหมคะ ไม่มีมือถือ ไม่มีคอมพิวเตอร์ สื่อสารผ่านการส่งจดหมาย จนกระทั่งถึงยุคปัจจุบันนี้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตเรามากขึ้น ใช้สมาร์ตโฟนกันเป็นอวัยวะที่ 33 นวัตกรรมต่าง ๆ ก็ผุดขึ้นมามากมาย จนรู้ตัวอีกทีเราก็ขาดเทคโนโลยีไม่ได้แล้ว
พูดถึงบทบาทของเทคโนโลยีในปัจจุบัน หลาย ๆ คนคงพอรู้กันอยู่แล้วว่ามันเข้ามาทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายขึ้น แล้วในอนาคตล่ะ? วันนี้เราจึงจะมาจินตนาการไปพร้อมกันว่าเมื่อเราต้องอยู่ร่วมกับ AI โดยสมบูรณ์ ชีวิตเราจะดีขึ้นยังไง
สวัสดีเช้าวันใหม่ ทุกวันนี้เราลืมตาตื่นขึ้นมา มีนาฬิกาปลุกผ่านสมาร์ตโฟน จะแปรงฟันก็มีแปรงสีฟันอัจฉริยะที่หัวแปรงหมุนเองได้ โดยไม่ต้องออกแรง แต่หากในอนาคตเราตื่นมาพร้อมระบบอัจฉริยะทั่วบ้าน มีหมอนเป็นผู้ช่วยวิเคราะห์การนอนว่าเหมาะสมแล้วหรือยัง แปรงฟันด้วยแปรงสีฟันอัจฉริยะที่สามารถตรวจแบคทีเรียในช่องปากของเราได้ บอกว่ามีฟันผุแล้วกี่ซี่ หรือแม้กระทั่งเชื่อมต่อกับกระจก ฉายภาพอินโฟกราฟิกให้เราเห็นภาพ และแนะนำทันตแพทย์ให้เสร็จสรรพ สำหรับมื้อเช้าอาจจะมีหุ่นยนต์ทำอาหารที่เราอยากกินให้ พร้อมคำนวณว่ามื้อนี้มีแคลอรี่เท่าไร และลืมไปได้เลยว่าต้องเดินไปล้างจานเองเพราะ AI จะช่วยเราหมด
ถึงเวลาเดินทาง ปัจจุบันเราก็มีเทคโนโลยีมากมายที่ช่วยให้เราเดินทางสะดวกขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Google map หรือระบบต่าง ๆ ในรถยนต์ อย่าง ระบบ Cruise control ที่ช่วยควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบเบรกอัจฉริยะ ระบบประหยัดพลังงานที่เครื่องยนต์จะหยุดการทำงานอัตโนมัติเมื่อรถจอดนิ่ง ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้ชีวิตเราสะดวกแล้วใช่ไหมคะ?
หากในอนาคตเราอาจจะได้ใช้รถยนต์ไร้คนขับกันทุกคน ทำให้เราใช้เวลาว่างตรงนี้ไปทำงานอดิเรก กินข้าว ใช้เวลาได้เต็มที่มากขึ้น รถใช้พลังงานสะอาดหมดปัญหามลพิษ และมี AI ที่ฉลาดมาก ๆ ช่วยให้อุบัติเหตุบนท้องถนนหมดไปจนเหลือ 0 หรือแม้กระทั่งการขนส่งสาธารณะก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เวลารอนานอีกต่อ เมื่อรถใกล้มาถึงหน้าบ้านเรา ก็จะมีระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ (ภาวนาให้เทคโนโลยีเหล่านี้มาไว ๆ นะคะ ฮา)
แล้วมนุษย์จะทำต้องทำงานอยู่หรือเปล่า? หลาย ๆ คนอาจจะเกิดคำถามนี้ เพราะในเมื่อ AI สามารถทำได้ทุกอย่างแล้ว เรายังต้องทำงานอยู่ไหม? ปัจจุบันนี้เราก็ได้เห็น AI เริ่มเข้ามาช่วยมนุษย์ทำงานหลาย ๆ อย่างแล้ว เช่น หุ่นยนต์ทำความสะอาด เครื่องคิดเงินอัตโนมัติ หุ่นยนต์ทำอาหาร ซึ่งจะเห็นได้ว่า AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยของเรา ทำงานที่เราไม่อยากทำแทน ทำให้เรามีชีวิตที่สะดวกขึ้น และใช้เวลาตรงนี้ไปผลิตผลงานสร้างสรรค์ต่าง ๆ ในอนาคตเราก็คงจะได้เห็นอาชีพแปลก ๆ สำหรับมนุษย์เกิดขึ้นมามากมาย เราอาจมี AI เป็นเพื่อนคู่คิด คอยป้อนข้อมูลที่ประมวลผลมาแล้วให้กับเรา และเราสร้างสรรค์ผลงานต่อได้เอง
เมื่อ AI เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น เช่น การช็อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้า รถเข็นก็ยังเป็น AI ที่ช่วยคำนวณว่าสินค้าทั้งหมดนี้คิดเป็นเงินเท่าไร เพื่อให้เราบริหารการใช้จ่ายแต่ละครั้งได้อย่างง่ายดาย หรือแม้กระทั่งเสนอสินค้าประเภทเดียวกันที่มีโปรโมชั่นอยู่ เมื่อเราเดินผ่านแผนกต่าง ๆ ก็จะมีระบบนำเสนอสินค้าหรือโปรโมชั่นที่เหมาะกับเราโดยเฉพาะ หรือที่เรียกว่าระบบ Personalization ที่สามารถเก็บข้อมูลของเราในการซื้อสินค้าแต่ละครั้งเพื่อประมวลผลการเลือกซื้อสินค้าในครั้งต่อไป ทำให้การช็อปปิ้งของเราง่ายขึ้นเป็นกอง
ทั้งหมดที่พูดมานี้ เป็นเพียงการ “จินตนาการ” เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่มีโอกาสพัฒนาขึ้นในอนาคตอันใกล้เท่านั้น เราไม่รู้เลยค่ะว่าเทคโนโลยีไหน จะเกิดขึ้นเมื่อไร และจะเกิดขึ้นหรือเปล่า แต่หากมองการพัฒนาของเทคโนโลยีในปัจจุบันนี้แล้ว เราคงเห็นอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ในเวลาสั้นลง ๆ จึงเป็นไปได้สูงมากว่าโลกอนาคตแห่งจินตนาการนี้อาจเกิดขึ้นได้เร็วกว่าที่เราคิด
ซึ่งเมื่ออนาคตหาก AI เข้ามาในชีวิตเราอย่างเต็มรูปแบบแล้ว คงจะทำให้ชีวิตของเรามีความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกว่าที่เคยเป็น…จนอาจจะคาดไม่ถึงเลยก็ได้
แล้วโลกที่เราอยู่ร่วมกับ AI ในอนาคตในแบบของทุกคนเป็นยังไงกันบ้าง ลองคอมเมนต์มาคุยกันนะคะ