Threats VS Technology : Building Resilient Nations and Businesses
เรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติถือเป็นสิ่งที่มนุษย์เราแทบจะไม่มีทางรู้ล่วงหน้าได้เลยว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ? เพราะธรรมชาติไม่เคยส่งสัญญาณให้เราระวังตัว … แต่ในทางเดียวกัน ในขณะที่โลกก้าวหน้าขึ้นทุกวัน มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อให้มนุษย์มีความเป็นอยู่ที่ดี และปลอดภัยมากขึ้น หรือที่คนทั่วไปเรียกมันว่า “เทคโนโลยี”
เมื่อสัปดาห์ก่อน … เฟื่องมีโอกาสได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปร่วมงานที่สิงคโปร์ เป็นงานที่จัดโดยสำนักข่าวชื่อดังอย่าง “Reuters Plus” เกี่ยวกับการอภิปรายความคิดเห็นของเหล่า Speakers ที่มีชื่อเสียงจากสิงคโปร์ และญี่ปุ่น ในหัวข้อ “Threats vs Technology” หรือแปลเป็นไทยว่า “ภัยพิบัติ vs เทคโนโลยี” ในมุมที่ต่างกันออกไป คิดว่าน่าสนใจดี วันนี้เฟื่องเลยอยากมาแชร์ให้ทุกคนได้รู้ไปพร้อมๆ กันค่ะ
ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติมากที่สุดในโลก
เพราะด้วยลักษณะของภูมิประเทศที่อยู่ระหว่างทะเล กับมหาสมุทร และตั้งอยู่ระหว่าง 2 แผ่นดินที่มีการเคลื่อนตัวตลอดเวลา โดยภัยทางธรรมชาติที่ญี่ปุ่นต้องพบเจออยู่บ่อยๆ ก็คือ สึนามิ พายุ น้ำท่วมใหญ่ และแผ่นดินไหว
ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องคิดค้น และหาวิธีรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติเหล่านี้ให้ได้เพื่อความอยู่รอด ซึ่งกระบวนการที่รัฐบาลญี่ปุ่นทำแบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้
- ปลูกฝัง และพัฒนาความรู้ ความสามารถของประชากรให้รู้เท่าทันภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ
- ผลิตอุปกรณ์ที่สามารถใช้ได้ในขณะเกิดภัยพิบัติ และติดตั้งเครื่องมือตรวจจับ-แจ้งเตือนภัยพิบัติให้กับประชาชน,
- ออกแบบตึก อาคาร บ้านเรือนให้มีความยืดหยุ่นเพื่อรองรับการเกิดภัยพิบัติได้
ญี่ปุ่นถือเป็นผู้นำของโลกในด้านการเตรียมพร้อม และการจัดการกับภาวะฉุกเฉินได้ดี
สึนามิเป็นหนึ่งในภัยพิบัติที่เกิดกับญี่ปุ่นมากที่สุด เครื่องมือที่เขาใช้ตรวจจับ และแจ้งเตือนการเกิดสึนามิของประเทศญี่ปุ่นที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีชื่อว่า RTi-Cast หรือ Real-time Tsunami Information Cast เป็นการใช้เครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องในการตรวจจับคลื่นสัญญาณการเกิดภัยพิบัติทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดความผิดปกติในบริเวณต่างๆ ที่เครื่องรับสัญญาณตรวจจับได้ เครื่อง RTi-Cast นี้ก็จะส่งสัญญาณเตือนไปยังมือถือของประชาชนทันที ทำให้ประชาชนมีเวลาในการอพยพเพื่อเอาตัวรอดได้ทันท่วงที
ญี่ปุ่นใส่ใจความเป็นอยู่ของประชาชนในช่วงภัยพิบัติมาก
ปัจจัย 4 ถือเป็นสิ่งที่หาได้ยากในระหว่างเกิดภัยพิบัติ เพราะไม่ใช่แค่ทรัพย์สิน หรือข้าวของถูกทำลาย แต่ความสะอาด และความเป็นอยู่ที่ดีก็ถูกทำลายลงไปด้วยเช่นกัน ดังนั้น ทางบริษัทในญี่ปุ่นจึงได้คิดค้น และผลิตอุปกรณ์สำหรับใช้สำหรับการดำรงชีวิตของประชาชนในขณะเกิดภัยพิบัติเพิ่มขึ้นมาด้วย ที่นำมาจัดแสดงและพูดคุยบนเวที คือ ที่อาบน้ำเคลื่อนที่ หรือ WOTA box
เครื่อง WOTA Box เป็นตู้อาบน้ำเคลื่อนที่ ที่ติดตั้งและใช้งานง่าย มีให้เลือกทั้งแบบเต็มรูปแบบ คือมีทั้งที่อาบน้ำ และที่แต่งตัว หรือจะเลือกติดตั้งแค่ที่อาบน้ำ เพื่อประหยัดพื้นที่ก็สามารถทำได้
เครื่อง WOTA Box นีใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยระบบต่างๆ ทำงาน ทั้งการหมุนเวียนน้ำใช้แล้ว บำบัดน้ำเสียให้ได้น้ำสะอาด ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนที่หลากหลาย และประหยัดพื้นที่ในการใช้งาน เรียกได้ว่า … นอกจากจะได้อาบน้ำที่สะอาดแล้ว ยังมีน้ำสำรองไว้ใช้อย่างพอเพียงในระหว่างเกิดภัยพิบัติอีกด้วย
ถือเป็นเรื่องดีๆ อีกหนึ่งเรื่อง ที่เทคโนโลยีได้เข้ามามีส่วนในความปลอดภัย และทำให้ความเป็นอยู่ของมนุษย์เรามีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เพียงแค่เราต้องตระหนักรู้ และศึกษาวิธีการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประสิทธิภาพให้ได้มากที่สุดเท่านั้นเอง
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ และสามารถต่อยอดไอเดียให้กับหลายๆ คนที่กำลังมีความคิดที่จะนำเทคโนโลยีต่างๆ มาพัฒนาประเทศเราให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกันนะคะ