เมื่อวานนี้ (20 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ตามเวลาไทย) เป็นอีกวันที่กระแสข่าวในวงการเทคโนโลยีจัดว่าร้อนแรงสุด ๆ ทีเดียวค่ะ เมื่อเกิดเหตุการณ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของรัฐบาลคุณโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศคำสั่งห้ามจำหน่ายและทำการค้ากับทางบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน “Huawei” ไปนั้น นับเป็นเรื่องใหญ่และส่งผลกระทบเป็นวงกว้างมากทีเดียว
สำหรับบทความนี้ เฟื่องถือโอกาสสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้นพร้อมเพิ่มเติมความคิดเห็นบางส่วนเข้าไปด้วย โดยเพื่อน ๆ สามารถอ่านได้ในบทความสรุปเร่งด่วนนี้ได้เลยค่ะว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในวันเดียวนี้!
ประเด็นร้อนครั้งนี้เกิดอะไรขึ้น?
วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 ตามเวลาไทย Google ได้ประกาศยุติความสัมพันธ์กับทาง Huawei ตามคำสั่งจากทำเนียบขาว ทำให้สมาร์ทโฟนของ Huawei ที่จะเปิดตัวหลังจากวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นไปไม่สามารถใช้ Service รวมทั้งอัปเดทระบบรักษาความปลอดภัยของทาง Google ได้
เกิดผลกระทบกับผู้ใช้สมาร์ทโฟน Huawei อย่างไร?
เมื่อ Google ประกาศจะหยุดให้การสนับสนุน หมายความว่าสมาร์ทโฟนรุ่นต่อจากนี้ของ Huawei จะไม่สามารถใช้บริการ Google Service ต่าง ๆ ได้แก่ Gmail, YouTube, Google Search ฯลฯ ได้ รวมทั้งแพทช์รักษาความปลอดภัยเวอร์ชั่นใหม่จาก Google ก็อาจจะไม่ได้รับเช่นกัน
ทว่าสำหรับผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนของ Huawei ในปัจจุบันยังสามารถใช้งานได้ตามปกติและได้รับการสนับสนุนต่อไป ยังสามารถดาวน์โหลดแอปฯ จาก Play Store และใช้บริการ Google Service อื่น ๆ ได้ต่อไปเรื่อย ๆ
มาตรการเยียวยาจากทาง Huawei
Huawei มีการเตรียมที่จะพัฒนาระบบปฏิบัติการ (OS) ของตัวเองไว้แล้ว (คาดว่าจะมาในชื่อ Hongmeng ซึ่งข่าวว่าพัฒนามาตั้งแต่ปี 2012) เรื่องนี้ เอาจริง ๆ อย่างในจีนเองก็ไม่ค่อยกังวลเพราะคนไม่ได้ใช้บริการของฝั่ง Google หรือ Facebook แต่มีแอปอยู่ในประเทศของตัวเองที่ใช้แทนแบบบริการที่คล้าย ๆ กัน Huawei ไปโตในจีนต่อได้เรื่อย ๆ
สำหรับผู้ใช้ในประเทศไทยยังสามารถใช้งานต่อไปได้ตามปกติและจะยังมีการอัปเดทระบบรักษาความปลอดภัยและบริการหลังการขายให้กับสมาร์ทโฟนของ Huawei ต่อไปได้ตามปกติค่ะ
อย่างนี้เราควรจะทำอย่างไรต่อไป?
- คนที่ซื้อสมาร์ทโฟนจากทาง Huawei ไปแล้ว: เรายังสามารถใช้งานสมาร์ทโฟนของเราต่อไปและใช้แอปฯ ของทาง Google และได้รับการอัปเดทระบบรักษาความปลอดภัยต่อไปได้ตามปกติ แต่ก็ยังต้องรอดูว่าเรื่องนี้จะจบสวยหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นไปในทางที่ดี เราก็จะได้ใช้บริการของทาง Google ต่อไป แต่หากไม่… ทาง Huawei ก็อาจจะนำ Hongmeng ที่เป็นระบบปฏิบัติการของตัวเองออกมาใช้เช่นกัน
- ส่วนคนที่ยังไม่ซื้อ: ขอแนะนำให้ดูสถานการณ์ไปก่อน ถ้ายังไม่รีบใช้ก็รอดูสถานการณ์ไปก่อนจะดีกว่าแล้วค่อยตัดสินใจก็ได้
ทำไม Google ถึงต้อง Ban Huawei?
เมื่อ Huawei ไปอยู่ใน Blacklist การค้าของสหรัฐอเมริกา บริษัทอื่น ๆ เลยกลัวจะโดนรัฐบาลสหรัฐฯ เพ่งเล็ง เริ่มแรกจาก Google ที่ออกมาประกาศว่าจำเป็นที่จะต้องยุติการซัพพอร์ตให้บริการกับ Huawei ตามมาด้วย Intel & Qualcomm ตามลำดับ
สรุปนโยบายของรัฐบาล โดนัลด์ ทรัมป์ฉบับเข้าใจง่าย
วันที่ 15 พฤษภาคม Donald Trump ประกาศใช้คำสั่งพิเศษของประธานาธิบดี (Executive order) บอกว่า “Huawei จะถูกเข้าไปอยู่ในการขึ้นบัญชีดำ (Blacklist) ของทางอเมริกา” ดังนั้น การที่ประกาศเป็น Blacklist หมายความว่า ทุกบริษัทในอเมริกาจำเป็นที่จะต้องขออนุญาตและได้รับการยินยอมจากรัฐบาลสหรัฐฯ ก่อน หากจะมีการร่วมมือทางการค้าหรือว่าติดต่ออะไรเพิ่มเติมกับทางบริษัทที่ขึ้นอยู่ใน Blacklist ของอเมริกา
จริง ๆ เรื่องนี้เกมการเมืองชัด ๆ : จีนกับสหรัฐฯ สู้กันมานานแล้ว
จีนกับอเมริกาเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานแล้วค่ะ เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจด้วยกันทั้งคู่ เพราะจีนมีประชากรเยอะ ก็ต้องมีการคานอำนาจกันนิดนึง ถ้าเจาะเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีแล้ว
จีนเป็น “ผู้ผลิตชิ้นส่วน” เมืองเซินเจิ้นมีชื่อเล่น Silicon Hutong เพราะเป็นเมืองที่ผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ส่งไปทั่วโลกมากที่สุด สหรัฐอเมริกา “เจ้าพ่อสตาร์ทอัพ” : ซิลิคอนวัลเลย์ (Silicon Valley) เป็นแหล่งบ่มเพาะบริการซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ที่คนทั่วโลกส่วนใหญ่ใช้งานกัน
เหตุที่อเมริกาต้องแบนหัวเหว่ย อาจเพราะ ‘กลัว’
จริง ๆ สหรัฐฯมีความพยายามที่จะแบน Huawei มานานมาก เพราะจริง ๆ แล้ว Huawei เป็นบริษัทที่น่ากลัว มาแรงและเร็วแถมเติบโตก้าวกระโดดมาก หลังจีนเปิดประเทศไม่นานก็แย่งส่วนแบ่งตลาดไปได้เยอะมาก ๆ
ถามว่าตอนนี้ Huawei ใหญ่แค่ไหน?
อันดับ 1 ของโลกเรื่องการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์เกี่ยวกับโทรคมนาคม คือโครงข่ายเสาสัญญานโทรศัพท์ที่เราใช้งานอยู่ในปัจจุบันมาจากทาง Huawei
อันดับ 2 ของโลก ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน ซึ่ง Huawei เพิ่งแซงหน้า Apple เบียดขึ้นมาเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองรองจาก Samsung และดูจากอัตราการเติบโตและกระแสนิยมทั่วโลก ก็มีลุ้นแซงหน้า Samsung ตามเป้าที่ประกาศไว้ได้ในเวลาต่อจากนี้
สหรัฐฯ จึงจำเป็นต้องมองหาจุดได้เปรียบของตัวเองเพื่อให้ได้เปรียบจีน นั่นคือซอฟท์แวร์และบริการที่เราใช้งานอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น Google, Facebook, Amazon ฯลฯ และต่อกรกับจีนด้วยการนำบริษัท Huawei เข้าสู่ Blacklist ไป
เรื่องนี้อาจเกี่ยวกับเกม 5G
5G เป็นเทรนด์ที่กำลังจะมาเปลี่ยนโลกและทั่วโลกให้ความสนใจ ซึ่งน่าสังเกตว่าตอนนี้ Huawei เป็นบริษัทที่พร้อมที่สุดในด้านเทคโนโลยี 5G ไม่ว่าจะผลิตชิปเซ็ต 5G เสร็จแล้ว (ทั้งโครงข่ายสัญญาณ และชิปในอุปกรณ์) และเริ่มไปทำสัญญากับชาติต่าง ๆ ในโลก โดยประเทศไทยเองก็ใช้เทคโนโลยีของ Huawei อยู่ ในการที่จะเตรียมเป็นโครงข่าย 5G ในอนาคต
โดยก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ พยายามไปโน้มน้าวหลายประเทศว่าไม่ให้สนับสนุน Huawei ซึ่ง ณ วันนี้ 5G มีประโยชน์มาก จะมาเปลี่ยนแปลงโลกอย่างมหาศาล ดังนั้น เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่จะเปลี่ยนโลกที่ใครได้เป็นเจ้าตลาดก็จะเพิ่มมูลค่าบริษัทไปอีกมากมาย สหรัฐฯ เลยบอยคอต Huawei
ก่อนที่จะเกิดการแบน Huawei ตามคำสั่งของทางรัฐบาลสหรัฐ ทาง Huawei มีสัญญาที่ต้องเข้าไปวางระบบโครงข่าย 5G ในหลากหลายประเทศอีกกว่า 40 ฉบับสัญญาทีเดียว นั่นหมายความว่าเม็ดเงินมหาศาลจะไหลเข้า Huawei และทำให้มูลค่าของบริษัทเพิ่มขึ้นและบริษัทก็จะเติบโตขึ้นอีกหลายเท่า
แนวโน้มการตอบโต้ของจีนและ Huawei ต่อสถานการณ์นี้เป็นอย่างไร?
อ้างอิงตามบทความของทางนักข่าว Bloomberg “Tim Culpan” ได้เขียนแสดงความคิดเห็นเอาไว้นั้น นี่อาจจะเป็นสัญญานเริ่มต้นของสงครามเย็นในยุคเทคโนโลยี (Digital Cold War) ก็เป็นไปได้ โดยคุณ Tim กล่าวว่ากระบวนการของการแบน Huawei นั้นเหมือนกับกรณีการแบนบริษัท ZTE เมื่อก่อนหน้านี้ไม่ผิด เพื่อบีบให้ทางบริษัทจีนยอมรับเงื่อนไขต่าง ๆ ของทางสหรัฐฯ
ในทางกลับกัน หากจีนแบนอเมริกาแล้ว ข้อเสียที่จะเกิดขึ้นตามมานั้นมีมากทีเดียวได้แก่
- จีนมีสิทธิ์ที่จะบอยคอตสินค้าเกษตรกรรมอเมริกา แปลว่าเกษตรกรของอเมริกาที่ส่งออกมายังจีนจะทำได้ยากขึ้น ส่งผลให้ประชากรอเมริกาส่วนมากเดือดร้อน
- จากเหตุการณ์นี้ ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงก็ออกโรงประกาศหยุดส่งแร่แรร์เอิร์ธ ที่เป็นแร่สำคัญสำหรับทำชิปอิเล็กทรอนิกส์ให้กับสหรัฐ โดยทางสหรัฐฯ นำเข้าแร่นี้จากจีนถึง 90% ทีเดียว
- โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน คุณ Lu Kang ได้ออกมากล่าวว่า ทางการจีนจะจับตาดูสถานการณ์นี้และให้การปกป้องบริษัทจีนที่มีสิทธิ์ถูกต้องตามกระบวนการทางกฏหมายต่อไป
- เริ่มมีกระแสคนจีนแบน Apple แล้ว ซึ่งชาวจีนบางท่านกล่าวว่า เขารู้สึกผิดที่จะต้องใช้ iPhone ที่เป็นผลิตภัณฑ์จากสหรัฐฯ ในช่วงที่เกิดข้อพิพาทนี้อยู่
สถานการณ์ปัจจุบันของทั้งสองฝั่ง
สำหรับวันนี้ (21 พฤษภาคม พ.ศ. 2562) ทางสำนักข่าว Reuters ได้ออกข่าวว่าทางกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกาได้ออกใบอนุญาตชั่วคราวเพื่อให้ Huawei สามารถทำการค้ากับบริษัทของสหรัฐฯ เพื่อทำการดูแลและให้บริการหลังการขายกับสินค้า Huawei ต่อไปได้ถึงวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2562 นี้ (ระยะเวลา 90 วัน)
ขอบเขตความสามารถของใบอนุญาตนี้ ครอบคลุมถึงการสั่งซื้อสินค้าและชิ้นส่วนต่าง ๆ สำหรับสินค้าที่กำลังวางจำหน่ายในปัจจุบันและปรับปรุงการบริหารงานด้านการสั่งของได้อีกด้วยแต่ไม่รวมถึงการพัฒนาสินค้าตัวใหม่เพื่อวางขายในอนาคต
กลับกัน ฝั่งของ Huawei ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเพราะทางบริษัทได้เตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้รอเอาไว้แล้ว และ CEO ของ Huawei คุณ Ren Zhengfei ได้ออกมากล่าวถึงกรณีนี้ว่า “ใบอนุญาต 90 วันของทางสหรัฐฯ นั้นแทบไม่ได้มีความหมายอะไรเลย” (bears little meaning) และสำทับด้วยว่า “นักการเมืองของสหรัฐฯ ประเมินความสามารถของทาง Huawei ต่ำเกินไป”
นอกจากนี้ ด้วยเทคโนโลยี 5G ของทาง Huawei มีนั้นนำหน้าบริษัทอื่น ๆ ไปไกล โดยทางคุณ Ren กล่าวว่าจะไม่มีบริษัทใดไล่ตามเทคโนโลยีของพวกเขาทันไปอีกราว 2-3 ปีทีเดียว
โดยกรณีนี้ เฟื่องคิดว่าคงจะไม่จบลงง่าย ๆ แน่นอน สำหรับพวกเรานั้นก็ได้แต่ติดตามข่าวต่อไป และเห็นว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะมีแต่เสียกับเสียเท่านั้นและได้แค่รอดูว่าฝ่ายใดจะยอมและเจรจากันอย่างไรให้ลงตัวที่สุด อย่างไรก็เฟื่องก็ขอให้เรื่องนี้จบลงด้วยดีและหันมาจับมือทำการค้าและพัฒนาเทคโนโลยีต่อไปในอนาคตต่อไปเพื่อผลประโยชน์ของทุกฝ่ายดีกว่าค่ะ