ตะลุยงาน Techsauce Global Summit 2018

ผ่านมาแป๊บๆ ตอนนี้ก็ถึงเดือนมิถุนายนแล้วนะคะ ช่วงนี้งานแน่นมากค่าาา บินกลับมาจาก ฝรั่งเศสไม่นานก็มาอัปเดตเทคโนโลยีในงาน Techsauce Global Summit 2018 ต่อเลย

_DSC8227

Techsauce เป็นการรวมคำ 2 คำ คือ Tech ซึ่งหมายถึงเทคโนโลยี และคำที่ 2 ก็คือ Sauce ที่เราหมายถึง Sauce เครื่องปรุงรส และการเล่นคำ Source ที่หมายถึงแหล่งข่าว เมื่อนำสอง อย่างมารวม กันงาน Techsauce ก็จะหมายถึงงานที่เกี่ยวกับด้าน Tech Startup ที่มีความอร่อย ทานง่าย เข้าใจง่าย นั้นเองค่าา
_DSC8469งานนี้ถือเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่งใน Southeast Asia  ซึ่งภายในงานได้เชิญ Speaker ชื่อดังระดับโลก มารวมตัวกันไว้มากกว่า 250 ชีวิต ซึ่งแต่ละคนนั้นค่าตัวไม่ต้องพูดถึงค่ะ มโหฬารทั้งนั้น แม้แต่คนต่างชาติยังบินมาชมงานในครั้งนี้เพียบ  ซึ่งเฟื่องมีโอกาสได้ไปมาเลยขออนุญาตเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกันค่าาา
DSC09204เมื่อเข้ามาในงานสิ่งที่สะดุดตามากๆ คือ “ Skyeye Tecl ” ค่ะ ถ้าใครเคยดูหนัง Fast 7 คงจะเห็นว่าในหนังนั้นมีการใช้เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าจากกล้องทุกตัวบนโลกที่เรียกว่า “ตาเทพ”
DSC09199ซึ่งตอนนี้ตาเทพนั้นสามารถให้เราได้ใช้กันจริงๆ แล้วค่าา แต่ไม่ได้เป็นการ Hack จากกล้องคนอื่นเหมือนในหนัง แต่เป็นการตั้งกล้องเอาไว้เพื่อตรวจจับใบหน้า ซึ่งในประเทศจีน ได้มีการใช้ระบบนี้มาสักพักใหญ่ๆ แล้ว  และเฟื่องเชื่อว่าในอีกไม่นานก็จะเอาไปใช้กับรถไฟฟ้า หรือสถานที่สำคัญๆ อย่างแน่นอนเพราะสะดวกกว่าการใช้บัตรมากค่ะ
DSC09265ระยะเวลาในการแยกแยะบุคคลก็ทำได้เร็วมากเพียงเสี้ยววินาที อย่างในภาพจะบอก รายละเอียดของบุคคลที่ถูก Add เข้าไปในระบบให้ด้วยว่าคือใคร ซึ่งในภาพก็คือน้องวีวี่ Content สาว ของเฟื่องเอง ใครชอบก็ลองไปตามหา Facebook หรือ IG กันได้นะคะ ยังโสดด5555555
DSC09186มาต่อกันกับอีกอุปกรณ์ที่หน้าสนใจคือ “แหวนพูดได้” เป็นอุปกรณ์จาก ORII ที่เปรียบเสมือนหูฟัง Bluetooth

232b70d28ff1bbe2a76c5d11fce306fd_originalวิธีการใช้งานคือเอานิ้วที่สวมแหวนไปอุดไว้ที่หูแล้วเราจะได้ยินเสียง ซึ่งสามารถเอามาใช้คุยโทรศัพท์ได้ อ่านข้อความให้เราฟัง และยังสามารถรับคำสั่งเสียงจากเราได้อีกด้วย เจ๋งมากๆ ค่ะ
_DSC8330มาถึงอีก Booth ที่ไปแล้วชอบมากค่ะ นั้นก็คือ dtac ปีนี้ก็ได้ขน 11 Startup ที่เข้าร่วมโครงการ dtac accelerate batch 6 มาในงานนี้ด้วย น่าสนใจกันทุกทีมเลย
Screen Shot 2018-06-28 at 1.36.32 PMแต่ที่เลิฟที่สุดคงหนีไม่พ้นหัวข้อการ Workshop ที่น่าสนใจมากๆ เฟื่องสรุปไว้ให้หมดแล้วค่ะ ตามมาดูกันเลย

_DSC8487หัวข้อที่น่าสนใจในงานก็น่าจะเป็น Workshop แบบ exclusive กับคุณ Nir Eyal ที่มาพูดถึง Hooked ! ซึ่งเป็นหนังสือชื่อดังที่เขาเขียนเองเนื้อหาดีมาก สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจได้แถมยังอาจจะสามารถเอามาใช้ในชีวิตประจำวันทั่วๆไปได้อีกด้วย เนื้อหาจะมีอะไรบ้าง ไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ ;DScreen Shot 2018-07-02 at 10.43.13 AMที่เห็นข้างบนนี้คือ ‘HOOK Canvas’ ที่คุณ Nir คิดขึ้นมา เป็นทฤษฎีง่ายๆ ที่จะทำให้ลูกค้าหรือคนเราเกิดพฤติกรรมต่างๆ จนเคยชินโดยไม่รู้ตัวได้ ซึ่งทฤษฎีนี้ถูกนำไปใช้งานกับธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในหลายๆประเภท เช่น Facebook, Whatsapp, Twitter, Instagram ซึ่งถ้าเราเอาทฤษฎีนี้มาปรับใช้ ก็จะสามารถทำให้ธุรกิจของเราเป็นที่สนใจของผู้ใช้งานได้ไม่ยาก

เนื้อหาหลักๆ ถูกแบ่งเป็นทั้งหมด 4 ข้อ ตามที่เห็นข้างบนเลย โดยเริ่มจาก ช่องแรก Trigger ไป Action ไปสู่การให้ Reward และจบท้ายด้วย Investment

  1. Trigger : สิ่งกระตุ้น

สิ่งกระตุ้นจะเกิดขึ้นจากการที่เราบอกผู้ใช้งาน ว่าเค้าจะต้องทำอะไรบ้าง แล้วจะต้องทำอะไรต่อ อย่างเข้าใจได้ง่ายที่สุด ซึ่งถูกแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ สิ่งกระตุ้นภายนอก และสิ่งกระตุ้นภายใน

  • สิ่งกระตุ้นภายนอก จะเป็นรายละเอียดหรือข้อมูลต่างๆ ที่บอกผู้ใช้งานว่าจะต้องทำอะไร สามารถมองเห็นและรับรู้ได้ง่าย อย่างเช่น ปุ่มกดในเว็บไซด์ ที่สามารถหาเจอหรือมองเห็นได้ง่าย
  • สิ่งกระตุ้นภายใน เป็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในผู้ใช้งาน มักจะแทรกไปกับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น อารมณ์ ความต้องการ ซึ่งมักจะถูกแบ่งเป็น อารมณ์ในเชิงบวก และ อารมณ์ในเชิงลบ (คนเราจริงๆแล้วไม่ได้ถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์เชิงบวกนะ แต่เราถูกกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมต่างๆ จากอารมณ์เชิงลบ ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีความทุกข์ เราจะพยายามทำอะไรซักอย่าง เพื่อให้เราหายทุกข์ หรือมีความสุขนั่นเอง)

** เราจะต้องหาสิ่งที่จะกระตุ้นลูกค้าของเราให้ได้ เพื่อที่จะทำให้ลูกค้ามาซื้อของหรือใช้บริการของเรา เช่น instagram เกิดจากการที่คนกลัวที่จะเสีย โมเม้นที่เกิดขึ้นไป ก็เลยจะต้องถ่ายรูปเก็บไว้ และก็จะต้องคอยไถดูอยู่เรื่อยๆ เพราะกลัวพลาดเรื่องอัพเดทของเพื่อนๆ หรือคนอื่นๆ ไป (เห็นมั้ยย ว่าเราถูกเล่นอยู่กับอารมณ์เชิงลบ ในการกลัวที่จะตกเทรนหรือไม่รู้เรื่องของคนอื่น)

  1. Action : การกระทำ

การกระทำจะเกิดขึ้นได้ จะต้องมี “แรงจูงใจ ความสามารถ สิ่งกระตุ้น” 3 อย่างในเวลาเดียวกัน ถ้าเกิดว่าไม่ครบ ก็อาจจะทำให้ไม่เกิดการกระทำขึ้น และการมีครบ 3 อย่างนี้ จะทำให้คนทำการกระทำนั้นๆ ซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราจะต้องหาทั้ง 3 อย่างนี้กับกลุ่มลูกค้าของเราให้เจอ

** ใจความหลักๆ คือ เราจะต้องทำให้คนใช้งานได้ง่ายที่สุด และถ้าเราทำอะไรซ้ำๆ เราจะยิ่งรู้สึกว่ามันง่ายขึ้นเรื่อยๆ แล้วเราจะทำจนเคยชิน และทำเป็นนิสัยโดยไม่รู้ตัว (ถ้าจะให้ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็เหมือนที่หลังๆ พวกเราไถ feeds Facebook หรือ instagram กันนั่นแหละ ตอนแรกๆ พวกเราก็ไม่ได้ชินกันหรอก แต่พอมีสิ่งกระตุ้น  มีแรงมาจูงใจให้ทำ แล้วตัวเราก็สามารถทำได้ เราเลยเคยชินไงล่าา เห็นมั้ยว่ามันมาพร้อมกัน 3 อย่างเลย)

  1. Reward : รางวัลหรือผลตอบแทน

แน่นอนว่าคนเรามักจะชอบเวลาที่เราทำอะไรแล้วเราได้อะไรบางอย่างตอบแทนคืนมา ซึ่งการให้รางวัลหรือผลตอบแทน จะทำให้ลูกค้าหรือกลุ่มผู้ใช้งาน เกิดพฤติกรรมที่เราต้องการจะให้เกิดได้มากขึ้นไปอีก หลังจากทำเป็นนิสัยแล้ว แต่เราจะต้องหาให้เจอนะ ว่ารางวัลหรือผลตอบแทนที่ลูกค้าเราอยากได้ คืออะไร เพราะถ้าให้รางวัลไม่ถูกใจ ก็ไม่เกิดประโยชน์นะจ๊ะ  ซึ่งรางวัลหรือผลตอบแทนเนี่ย มันก็มีได้หลายแบบ เช่น

  • การ Hunt  หรือการไล่ล่า : ตัวอย่างที่ คุณ Nir ยกมาแล้วเห็นภาพได้ง่ายก็คือ New feeds Facebook หรือ instagram การที่เรามีพฤติกรรมต้องไถดูเรื่อยๆ เพราะว่าเราไม่ได้เจอสิ่งทีเราถูกใจตั้งแต่แรก แต่พอเราเปิดมาแล้วเรายังไม่ถูกใจ เราก็จะพยายามไถๆ เลื่อนหาอันที่เราอยากเห็น ซึ่งนั่นทำให้เราเกิดพฤติกรรมการไถถถถถ ;P
  • Self-achievement ความสำเร็จของตนเอง : ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดจะเป็นในเรื่องของ Notifications ที่พอเราเห็นว่ามีตัวแดงๆ ขึ้นมา เราจะอยากเคลียร์มันออกไป พอได้เปิดดูแล้วตัวแดงๆ หายไป เหมือนเราได้ทำอะไรบางอย่างสำเร็จแล้ว

4.Investment : การลงทุน

เราควรที่จะมีอะไรอยู่ในธุรกิจของเรา เพื่อที่จะสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าหรือธุรกิจของเราในอนาคต ซึ่งการลงทุนนี้ จะช่วยให้สร้างพฤติกรรม หรือเกิด Hook อย่างต่อเนื่องได้เรื่อยๆ ไม่มีวันจบ โดยมากแล้ว investment จะเชื่อมโยงกับ สิ่งกระตุ้นภายนอก ที่สามารถมองเห็นได้ชัด เช่น

  • คุณค่าต่างๆ ที่เกิดจากการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น Content หรือโพสที่เราสร้างขึ้น แล้วถูกจัดเก็บไว้ใน Facebook  หรือเว็บไซด์ของเรา รวมไปถึง รูปภาพ หรือจำนวน follower ที่เราสะสมไว้ ถือเป็นการลงทุนทั้งหมด ซึ่งพอเรามีสิ่งพวกนี้เยอะๆ เราก็ไม่อยากที่จะปิด Facebook หรือปิด IG เพราะคุณค่าที่เราเก็บๆ ลงทุนไว้ มันจะหายไปนั่นเอง
  • ชื่อเสียง แน่นอนว่ายุคนี้เป็นยุคของ youtuber, blogger ยอดไลค์ ยอดแชร์ ยอดติดตาม ไม่ได้ให้แค่คุณค่าเท่านั้น แต่มันยังตามมาด้วยเรื่องของ ชื่อเสียงด้วย และนั่นก็มีผลทำให้คนยังคงใช้ social media กันอย่างต่อเนื่อง แล้ววเป็น loop HOOKED !

นี่ก็เป็นสรุปใจความสำคัญที่เราได้ฟังจากคุณ Nir มาาา ซึ่งถ้าใครอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม ในหนังสือ Hooked ของคุณ Nir จะลงรายละเอียดไปอีก นี่เราก็ว่าจะไปหามาอ่านเหมือนกัน เพราะเราว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากเลย และเราทุกคนก็น่าที่จะรู้ไว้ เนื่องจากว่ามันเกี่ยวข้องแทบทุกอย่างของชีวิตพวกเราเลยก็ว่าได้ อ้อออ คุณ Nir มีการปิดท้ายด้วยนะ ว่าอยากให้ทุกคน เอาทฤษฎีนี้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ที่สุด แต่อยากให้ใช้ในแง่ดี ทำให้คนเกิดพฤติกรรมคุ้นชินที่ดีๆ มากกว่าการเสพย์ติด Social media ;D

DSC09148ต่อมาก็เป็นการ Workshop กับคุณ ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ที่มาให้ความรู้เกี่ยวกับ  Blockchain นั่งฟังเพลินๆ ไม่มีความรู้พื้นฐานก็เข้าใจได้ ว่า Blockchain มีความเป็นมายังไงแล้วก็มีหลักการการทำงานแบบไหน

_DSC8367ที่นั่งตรงกลาง คุณโน้ต เฉลิมยุทธ์ บุญมา, Head of Bootcamp and Community, dtac accelerate

นอกจากนี้ในงานยังมี Panel ใน Startup Stage หัวข้อ “การตรวจสอบความเป็นไปได้ของไอเดียธุรกิจและการระดมเงิน” ด้วย เพราะเดี๋ยวนี้หลายๆ คนที่ทำ Startup ก็น่าจะมีการลองผิดลองถูกกันมาหลายอย่าง ล้มเหลวก็มี ประสบความสำเร็จก็เยอะ ในงานนี้ก็มีหัวข้อ “การตรวจสอบความเป็นไปได้ของไอเดียธุรกิจและการระดมเงิน” จากใน Booth dtac ด้วย ใครที่กำลังทำธุรกิจจะได้ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้น ตามดูกันเลยว่าจะมีอะไรบ้าง