ขึ้นชื่อว่าเป็นรุ่นเรือธงเพื่อเชิดหน้าชูตาก็ตาม แต่การแบ่งออกเป็นสองซีรี่ย์นั้น อาจจะทำให้หลายคนสงสัยว่าจุดเด่นของ Huawei ทั้งสองรุ่นนี้เน้นไปที่เรื่องไหนเป็นพิเศษ? ซึ่งเพื่อน ๆ หลายคนก็มีคำถามหลังไมค์มาหาเฟื่องอยู่หลายคนทีเดียวว่า “ระหว่าง Huawei Mate 20 Pro กับ P30 Pro จะซื้อรุ่นไหนดีครับ/คะ?”
เมื่อประเด็นนี้มีคนสนใจกันล้นหลามมาก ๆ เฟื่องก็ถือโอกาสใช้ Blog นี้มาพูดคุยจากประสบการณ์การใช้งานจริงทั้งซีรี่ย์ Mate และ P ว่าจะมีจุดเด่นอย่างไร? มีอะไรเหมือนหรือแตกต่างกันบ้าง? เพื่อเป็นข้อมูลให้ทุกคนเอาไว้ใช้ตัดสินใจตอนจะไปซื้อนะคะ
ว่าด้วยกลุ่มลูกค้าก่อน
เพราะสินค้าต้องมีลูกค้าดังนั้นสินค้าแต่ละตัวเลยมีจุดเด่นแตกต่างกัน ทั้งสองซีรี่ย์นี้จึงมีกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนค่ะ โดยเราจะเริ่มต้นด้วยซีรี่ย์ Mate ที่ทาง Huawei ตั้งใจสร้างขึ้นมาโดยให้ “มีฟังก์ชั่นหลักที่ต้องการติดตั้งมาให้ครบที่สุด” ซึ่งการทำงานของเขาจะครบคลุมรอบด้านเพื่อตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายรูปแบบ
สำหรับเฟื่องแล้ว Huawei Mate Series จะเน้นตอบโจทย์นักธุรกิจและคนที่ต้องใช้มือถือเพื่อทำงานหลากหลายแบบและต้องการระบบที่มีความเสถียร ซึ่งเราจะเห็นว่าเมื่อไหร่ที่มีการเปิดตัว Mate Series จะมีฟีเจอร์ที่ใหม่หลากหลายแบบและได้ซีพียูรุ่นล่าสุดเสมอ
ด้านของ Huawei P Series นั้นจะหันไปจับคนที่เน้นการใช้งานแบบ Lifestyle เป็นหลักเสียมากกว่า จึงจะเห็นได้ว่าดีไซน์ของตัวเครื่องจะออกทางโฉบเฉี่ยวและมีกล้องที่ใส่เทคโนโลยีล่าสุดมาให้เสมอ นั่นเพราะตัว P นั้นมาจากคำว่า “Photography” ที่แปลว่า “การถ่ายภาพ” นั่นเอง
นั่นหมายความว่าถ้าคนที่เน้นทางการถ่ายภาพ Lifestyle และอยากได้ดีไซน์ที่โดดเด่นควบคู่กันก็หันมาทาง P Series ได้เลยค่ะ เพราะเขาสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์เพื่อน ๆ ที่ต้องการนำไปใช้งานแบบนี้อยู่แล้ว
เล่าจากประสบการณ์ใช้งานจริง
จากการใช้งานจริงของเฟื่องที่ได้อยู่กับ Huawei Mate 20 Pro และในปัจจุบัน (ที่กำลังเขียนบทความนี้) ก็ใช้ Huawei P30 Pro เป็นมือถือเครื่องหลักในชีวิตประจำวันอยู่นั้น เฟื่องต้องบอกว่าทั้งสองรุ่นทำงานได้น่าประทับใจทั้งคู่จริง แต่โดยบุคลิคและการใช้งานของเฟื่องแล้วจะโอนเอนไปทาง Huawei P30 Pro มากกว่าหน่อย คงเพราะส่วนตัวจะชอบถ่ายภาพและเซลฟี่ตามประสาผู้หญิงมั้งคะ?
กลับกันถ้าใครเน้นใช้มือถือเพื่อทำงานเป็นหลักเนี่ย เฟื่องก็ยังเชียร์ให้ใช้ Mate 20 Pro อยู่ดีค่ะ แถมทั้งสองรุ่นในบทความนี้ที่เฟื่องหยิบมาพูดถึงก็มีดีไซน์ที่ขอบจอโค้งเข้ามือทั้งคู่ ให้สัมผัสที่หรูหราไม่แพ้ใครเหมือนกัน
หลังจากใช้ Mate 20 Pro แล้วเปลี่ยนมาเป็น P30 Pro นั้น เฟื่องรู้สึกได้ทันทีว่ากล้องหน้าของเขาถ่ายได้ชัดกว่าอย่างรู้สึกได้เพราะความละเอียดของกล้องหน้าตัว P30 Pro เหนือกว่าและยังเป็นเลนส์มุมกว้างทำให้ตอนเซลฟี่เก็บฉากหลังแล้วเบลอให้ละลายได้ดี ตัดขอบแบ่งระหว่างคนและฉากได้เด่นกว่าทันที
ในส่วนของกล้องหลังที่มีระบบ Master AI เข้ามาช่วยในการประมวลผลภาพ ได้แสงและสีที่เคลียร์ขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการเปลี่ยนเซนเซอร์เป็น RYYB ให้เก็บแสงได้มากขึ้น 40%, สามารถซูมได้ไกลกว่ามากและเป็นจุดขายหลักของ P30 Pro แถมได้โหมด Macro ที่ตัดภาพซูมเข้าไปโดยใช้เลนส์ Ultra wide เข้ามาเสริม เลยทำให้ตอนถ่ายใกล้วัตถุเอาชนะ Mate 20 Pro ไปได้ และมีเลนส์ ToF เข้ามาเพื่อให้จับระยะของวัตถุภายในภาพได้ดียิ่งขึ้นไปอีก ทำให้เรื่องกล้องของ P30 Pro โดดเด่นกว่าอย่างเห็นได้ชัดค่ะ
แต่เฟื่องอยากให้ข้อสังเกตเรื่อง Night mode ของเขานิดหน่อย เพราะจากการใช้งานจริงแล้ว ถ้าเราถ่ายภาพใน “ที่แสงน้อย” บุคลิคของภาพทั้ง Mate 20 Pro กับ P30 Pro จะไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก แต่ถ้าเป็น “ที่มืดสนิท” จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนเพราะตัว P30 Pro จะจัดการชดเชยแสงขึ้นมาจนทำให้เห็นวัตถุในที่มืดได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ
ถ้าหากเพื่อน ๆ ชื่นชอบกล้องของ P30 Pro แล้วจะตัดสินใจซื้อตอนนี้ เฟื่องก็ว่านี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่เฟื่องแนะนำและได้เขียนรีวิวถึงไปเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว แต่ในช่วงปลายปี ทาง Huawei ก็อาจจะเปิดตัว Mate 30 Pro ออกมาต่อด้วย ดังนั้นถ้าใครคิดว่าจะรอดูประสิทธิภาพของทั้งสองรุ่นเทียบกันแล้วค่อยตัดสินใจซื้อก็ไม่สาย รอให้เทคโนโลยีในสมาร์ทโฟนตรงและตอบโจทย์ความต้องการของเราก่อนแล้วซื้อคือดีที่สุดค่ะ
สุดท้ายแล้วการเลือกซื้อมือถือสักเครื่องนั้นก็ต้องอยู่ที่ตัวเพื่อน ๆ เองเป็นคนตัดสินว่าการใช้งานเป็นแบบไหนอย่างที่เฟื่องย้ำอยู่เสมอ เพราะถ้าเรารู้ว่าเราเน้นใช้งานเรื่องไหนเป็นพิเศษ เราก็จะตอบได้ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นไหนเป็นรุ่นที่เราควรจะเลือกซื้อมาใช้เป็นเครื่องต่อไปของเรา ดังนั้นก็เก็บข้อมูลไปเรื่อย ๆ แล้วตัดสินใจทีเดียวให้คุ้มค่าเราไปเลย!