Infinix INBOOK X2 โน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ที่เราหยิบมารีวิวกันวันนี้ แม้จะเป็นแบรนด์น้องใหม่ แต่ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะเขาให้สเปคมาคุ้ม ในราคาหมื่นต้น ๆ จากรุ่นแรกที่เรารีวิวไป เสียงตอบรับดีมาก (รีวิว INBOOK X1) ส่วนรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ ก็ถูกอัปเกรดสเปคขึ้นมาอีก ใครที่กำลังมองหาโน๊ตบุ๊คทำงาน หรือนักศึกษาอยากได้ไปเรียนก็เหมาะเลยค่ะ 

แบรนด์ใหม่แต่ไว้ใจได้

ส่งซ่อมง่ายไม่ต้องออกจากบ้าน

พอพูดถึงแบรนด์ใหม่หลายคนอาจจะไม่ค่อยวางใจ ถ้าซื้อไปแล้วบริการหลังการขายเป็นยังไง และถ้าต้องซ่อม จะซ่อมที่ไหน มีอะไหล่พร้อมหรือเปล่า?

• ประกันตัวเครื่อง 1 ปี : ครอบคลุมเกี่ยวกับตัวเครื่อง เช่น เครื่องเสียไม่รู้สาเหตุ ชาร์จแบตไม่เข้า เปิดไม่ติด ฯลฯ
• ส่งซ่อมได้ตลอด มีบริการรับเครื่องถึงบ้าน : 

ถ้านอกเหนือจากสิ่งที่ประกันครอบคลุมหรือหมดประกันแล้ว ยังส่งซ่อมได้เรื่อย ๆ โดยมีศูนย์ Carlcare ดูแลให้ (ก่อนซ่อมเช็คราคาอะไหล่และค่าบริการคร่าว ๆ ได้ผ่านเว็บไซต์ของ Carlcare) ที่ชอบคือแค่เราแจ้งปัญหาผ่าน LINE : infinixservice และตัดสินใจซ่อม ก็จะมี Kerry มารับเครื่องไปซ่อมให้ถึงหน้าบ้าน และยังการัณตีอีกว่าจะส่งเครื่องคืนถึงมือใน 7 วัน!

ราคาหมื่นต้น แต่สิ่งที่ได้คุ้มราคา!

• ใช้งานได้หลากหลาย

สำหรับรุ่นที่เราได้มารีวิว จะเป็นรุ่นกลาง CPU : Intel Core i5 ซึ่งทดสอบการใช้งานมาให้แล้ว ตั้งแต่งานเอกสาร ไฟล์ Excel หนัก ๆ รีเสิร์ชเยอะหลายแท็บ หลายเว็บพร้อม ๆ กัน ไปจนถึงงานกราฟิกและตัดต่อ (ดูแบบเน้น ๆ ใน VDO รีวิว) ขอสรุปให้ว่า งานเอกสารตั้งแต่เบาไปถึงหนัก หรือเปิดหลายแท็บพร้อมกันไม่เจอปัญหาโหลดช้า กระตุก หรือเครื่องร้อนเลย แต่การทำกราฟิกและตัดต่อ เครื่องจะทำงานหนัก ทำให้เครื่องร้อนและอาจมีอาการกระตุกตามมา เลยแนะนำว่าเหมาะกับงานเอกสารมากกว่า ทำงานกราฟิก ตัดต่อได้นิดหน่อย แต่ถ้าใครเป็นสายฮาร์ดคอ ตัดต่อหนัก ๆ ไม่แนะนำ

มีให้เลือกตามการใช้งาน 3 รุ่น

INBOOK X2 ทั้ง 3 รุ่น คือ X2 Intel Core i3, i5,  i7 ดีไซน์ภายนอกและสเปคส่วนใหญ่เหมือนกัน แตกต่างกันที่ CPU, GPU, RAM, Storage และการแสกนนิ้ว สรุปได้ตามนี้

ตารางสรุปความแตกต่างของทั้ง 3 รุ่น

• INBOOK X2 i3 : เหมาะกับคนที่เน้นใช้ทำงานเอกสาร ท่องเว็บทั่วไป งานกราฟิก/ตัดต่อไปแนะนำ
• INBOOK X2 i5 : สามารถทำงานกราฟิก/ตัดต่อได้ในระดับกลาง ๆ 
• INBOOK X2 i7 : คนทำงานที่ต้องการสเปคสูง แนะนำรุ่นนี้
  
  

  สเปคที่เหมือนกันของ Infinix INBOOK X2 

  • หน้าจอ IPS Full HD ความสว่าง 300 nits
  • หน้าจอมาตรฐาน sRGB 100%
  • แบตเตอรี 50Wh พร้อม Chager 45W
  • กล้องความละเอียด 720p (มีไฟ Dual-Star light เพิ่มความสว่างระหว่างประชุม)
  • ไมโครโฟน 2 ตัว
  • ลำโพง 2 ตัว 

ได้ลองทดสอบกล้องและไมโครโฟนด้วยการประชุมออนไลน์ กล้องอยู่ในระดับมาตรฐาน มี Dual-Star Light (Flash light หน้า 2 ตัว) ที่ช่วยเพิ่มความสว่างให้หน้าเราตอนอยู่ในที่มืด ส่วนไมโครโฟนถือว่าเสียงดีทีเดียว ใครที่ต้องประชุมออนไลน์หรือเรียนออนไลน์บ่อย ๆ รุ่นนี้ก็เอาอยู่

• ดีไซน์สวย พกพาสะดวก

  ตัวเครื่องมีให้เลือก 4 สี คือ สีน้ำเงิน, สีแดง, สีเขียว และสีเงิน ดีไซน์โดยรวมดูดีเกินราคา  ใช้วัสดุอะลูมิเนียม งานประกอบดูแข็งแรง แต่ยังมีความบางเบาพกพาง่าย น้ำหนักแค่ 1.24 กิโลกรัม

  

คีย์บอร์ดจัดวางมาดี วางตัวอักษรแบบเรียบ ๆ ไม่กวนสายตา มีไฟใต้คีย์บอร์ด พิมพ์งานในที่แสงน้อยได้ แต่สำหรับคนที่ทำงานสายตัวเลข ต้องบอกว่าเครื่องนี้ไม่มี Number Pad มาให้อาจจะต้องซื้อมาต่อแยก

• Port ครบ

ว้าวมาก ๆ ที่โน๊ตบุ๊คในราคานี้ บางแบบนี้ ยังให้ Port มาแบบครบถ้วน 

• USB-C : 1 Port  สำหรับชาร์จแบตฯ, โอนข้อมูล และต่อจอ
• USB-C : 1 Port สำหรับโอนข้อมูล
• USB-A 3.0 : 2 Port
• HDMI : 1 Port
• Micro SD Card : 1 Port
• 3.5 mm : 1 Port สำหรับเสียบหูฟัง 3.5 mm

ภายใต้ราคานี้ มีข้อสังเกตอะไรบ้าง?

• แม้จะมี Microsoft Office ติดเครื่องมาให้ แต่ถ้าเราจะใช้จำเป็นต้องมีบัญชีของ Office 365 
• ไม่มีการปลดล็อคด้วยการแสกนนิ้วหรือแสกนหน้า ทำให้เวลาพักเครื่องและจะเปิดใช้งาน ต้องใช้เวลาประมาณนึง (แสกนนิ้ว จะมีแค่ในรุ่น i7)
• CPU Intel Gen 10 ไม่ใช่ Gen ล่าสุด

ราคาและช่องทางซื้อ

• INBOOK X2 – i3 ราคา 12,990 บาท Exclusive Sale บน JD Central เท่านั้น

• INBOOK X2 – i5 ราคา 18,990 บาท
• INBOOK X2 – i7 ราคา 21,900 บาท 

สำหรับรุ่นกลางและรุ่นท็อปสามารถไปลองจับเครื่องจริงและหาซื้อที่ได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศ

แสดงความเห็น